Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

แนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับธุรกิจ

Posted By Kung_nadthanan | 22 พ.ย. 67
9 Views

  Favorite

ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (Value Added Tax) เป็นภาษีที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เจ้าของธุรกิจทุกขนาดต้องปฏิบัติตาม กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดและลดความเสี่ยงจากบทลงโทษทางกฎหมาย เนื้อหานี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับ VAT หลักการ วิธีคำนวณ และการปฏิบัติตามที่ถูกต้อง

 

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย

2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย

3. กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางการค้า หรือหากำไร โดยรัฐบาลต่างประเทศองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ นิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

4. กิจการร่วมค้า (Joint Venture)

5. มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิ หรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล

6. นิติบุคคลที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร

 

หน้าที่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

1. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีรายรับเกิน 

2. จัดทำใบกำกับภาษี

ออกใบกำกับภาษีทุกครั้งที่มีการขายสินค้า หรือให้บริการ เพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการ

3. จัดทำรายงานภาษีขาย

เพื่อประโยชน์ในการบันทึกจำนวนภาษีขายของกิจการที่เรียกเก็บจากลูกค้าในแต่ละเดือนภาษี ภาษีขายที่เกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีขายของเดือนนั้น

4. จัดทำรายงานภาษีซื้อ

เพื่อประโยชน์ในการบันทึกจำนวนภาษีซื้อของกิจการที่ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นเรียกเก็บในแต่ละเดือนภาษี ภาษีซื้อเกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีซื้อของเดือนนั้น

5. จัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ

ผู้ประกอบกิจการขายสินค้ามีหน้าที่จัดทำรายงานนี้เพื่อแสดงปริมาณสินค้าและวัตถุดิบที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีอยู่ได้มาและจำหน่ายไปเนื่องจากการขายสินค้าหรือการผลิต (*ผู้ประกอบกิจการให้บริการไม่ต้องจัดทำรายงานนี้)

 

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คืออะไร

ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากมูลค่าสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของการผลิตหรือการให้บริการ ผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อกำหนดใน ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/1

หลักการของภาษีมูลค่าเพิ่ม

1. การจัดเก็บภาษี

- เรียกเก็บจากผู้บริโภคในขั้นสุดท้าย

- ผู้ประกอบการทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมและส่งมอบภาษีให้กับกรมสรรพากร

2. อัตราภาษี

- ปัจจุบันอัตรา VAT อยู่ที่ 7% ของมูลค่าขายสินค้าและบริการ

3. ธุรกิจที่ได้รับการยกเว้น

- การเกษตร

- การให้บริการทางการแพทย์

- การศึกษา

 

ขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม

1. การจดทะเบียน VAT

ธุรกิจต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันหลังจากมีรายได้เกินเกณฑ์ 1.8 ล้านบาท

2. การออกใบกำกับภาษี

ธุรกิจต้องออกใบกำกับภาษีทุกครั้งที่มีการขายสินค้าและบริการ โดยใบกำกับภาษีต้องระบุข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น

- ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบการ

- หมายเลขทะเบียนภาษี

3. การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม

ยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

4. การจัดเก็บและส่ง VAT

คำนวณจากส่วนต่างระหว่าง VAT ที่เก็บจากลูกค้า (Output VAT) และ VAT ที่จ่ายให้กับคู่ค้า (Input VAT)

 

การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะต้องชำระ หรือมีสิทธิได้รับคืน เป็นรายเดือนๆ ละหนึ่งครั้งตามเดือนปฏิทิน

วิธีคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้ 

 

1. กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนทั่วไป (เสียภาษีอัตราร้อยละ 7)

ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 พร้อมกับชำระภาษี (ถ้ามี) เป็นรายเดือนภาษีทุกเดือน ไม่ว่าจะได้ขายสินค้าหรือให้บริการ

ในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม การคำนวณภาษีที่ต้องชำระในแต่ละเดือน ดังนี้ 

 

2. กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0

ผู้ประกอบการส่งออกสินค้ามีการคำนวณภาษีที่ต้องชำระในแต่ละเดือน จะใช้วิธีคำนวณทำนองเดียวกับ 

ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (ภาษีที่ต้องชำระ = ภาษีขาย – ภาษีซื้อ) 

แต่มีความแตกต่างกันในด้านภาษีขาย เนื่องจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าเสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 

จากมูลค่าส่งออก ภาษีขายจึงมีค่าเป็น 0 เสมอ ในขณะที่ภาษีซื้อจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ผลการคำนวณจึงเป็นลบ (-)

อันเกิดจากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย ทำให้มีการคืนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ส่งออกเท่าจำนวนภาษีซื้อ

ที่เกิดขึ้นจริงหนแต่ละเดือน การคำนวณภาษีที่ต้องชำระในแต่ละเดือน ดังนี้ 

ผลการคำนวณภาษีในเดือนนี้ ปรากฏว่าเป็นลบ (-) กล่าวคือ ภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย

ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 มีสิทธิขอคืนภาษีจำนวน 3,500 บาท

 

ข้อดีของการปฏิบัติตามกฎหมาย VAT

1. เพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ

ธุรกิจที่ปฏิบัติตามกฎหมายมีความโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าและลูกค้า

2. หลีกเลี่ยงบทลงโทษ

การไม่ปฏิบัติตาม เช่น ไม่จดทะเบียนหรือไม่ยื่นภาษี อาจถูกปรับหรือเสียค่าปรับย้อนหลัง

3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ หาก Input VAT สูงกว่า Output VAT

 

ผลกระทบของการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย VAT

1. บทลงโทษทางการเงิน

- การไม่จดทะเบียน VAT มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

- การไม่ยื่นภาษีตามกำหนด มีโทษปรับ 200 บาทต่อครั้ง หรือสูงสุด 2% ของ VAT ที่ค้างชำระ

2. ชื่อเสียงของธุรกิจ

การถูกกรมสรรพากรตรวจสอบอาจทำให้เสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ

 

กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นส่วนสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดต้องให้ความสำคัญ เจ้าของธุรกิจควรศึกษาหลักการ วิธีคำนวณ และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ การเข้าใจและปฏิบัติตาม VAT อย่างครบถ้วน ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow