Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เกณฑ์กำไรที่ต้องรู้สำหรับเจ้าของกิจการ: กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

Posted By Kung_nadthanan | 20 พ.ย. 67
10 Views

  Favorite

การเข้าใจเกณฑ์กำไรสำหรับเจ้าของกิจการ  และ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียค่าปรับหรือการดำเนินคดี ในบทความนี้ เราจะมาดูประเด็นสำคัญที่เจ้าของกิจการควรรู้เกี่ยวกับเกณฑ์กำไร พร้อมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง

เกณฑ์กำไรที่เจ้าของกิจการต้องเข้าใจ

เกณฑ์กำไรที่ต้องรู้สำหรับเจ้าของกิจการ เป็นหัวข้อสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและลดความเสี่ยงจากการดำเนินงาน ในหัวข้อนี้เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของเกณฑ์กำไรและวิธีการใช้งานที่เกี่ยวข้องสำหรับเจ้าของกิจการ

เกณฑ์กำไรที่ควรรู้

เกณฑ์กำไรที่ควรรู้ สำหรับการบริหารและวิเคราะห์ธุรกิจ แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบหลัก ซึ่งมีลักษณะและวิธีการคำนวณแตกต่างกัน ได้แก่

1. เกณฑ์กำไรสุทธิ (Net Profit)

เกณฑ์กำไรสุทธิ (Net Profit Basis) หมายถึง กำไรที่เหลือหลังจากนำรายได้ทั้งหมดมาหักด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ดอกเบี้ย และภาษี โดยสะท้อนถึงผลกำไรที่แท้จริงของธุรกิจในช่วงเวลาที่กำหนด

กำไรสุทธิเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าใจถึงผลประกอบการและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจอย่างชัดเจน

องค์ประกอบสำคัญของเกณฑ์กำไรสุทธิ

- รายได้รวม (Total Revenue):  รายได้จากการขายสินค้า บริการ หรือรายได้อื่นๆ ของธุรกิจ

- ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold - COGS):  ค่าใช้จ่ายโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือซื้อสินค้าหรือบริการ

- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenses):  เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้าง และค่าใช้จ่ายทั่วไป

- ดอกเบี้ยและภาษี:  ค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เกิดจากการกู้ยืมหรือการดำเนินธุรกิจ และภาษีที่ต้องจ่ายเป็นกำไรที่

- เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รวมถึงต้นทุน ค่าใช้จ่ายดำเนินการ และภาษี)

- ตัวเลขนี้แสดงถึงผลประกอบการสุทธิของธุรกิจ

- ใช้สำหรับการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุน (ROI)

 

สูตรการคำนวณกำไรสุทธิ

กำไรสุทธิ = รายได้รวม - (ต้นทุนขาย + ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน + ดอกเบี้ย + ภาษี)

 

ตัวอย่างการคำนวณกำไรสุทธิ

บริษัท XYZ มีข้อมูลทางการเงินดังนี้

- รายได้รวม: 500,000 บาท

- ต้นทุนขาย: 200,000 บาท

- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 100,000 บาท

- ดอกเบี้ย: 10,000 บาท

- ภาษี: 15,000 บาท

คำนวณ:

1. นำรายได้รวมมาหักด้วยต้นทุนขาย   500,000 - 200,000 = 300,000 บาท

2. หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน   300,000 - 100,000 = 200,000 บาท

3. หักดอกเบี้ยและภาษี   200,000 - (10,000 + 15,000) = 175,000 บาท

ผลลัพธ์:
กำไรสุทธิของบริษัท XYZ = 175,000 บาท

 

2. เกณฑ์กำไรขั้นต้น (Gross Profit)

เกณฑ์กำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) หมายถึง กำไรที่ธุรกิจได้รับหลังจากหักต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold - COGS) ออกจากรายได้รวม (Total Revenue) โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ดอกเบี้ย หรือภาษี

กำไรขั้นต้นสะท้อนถึงความสามารถของธุรกิจในการจัดการต้นทุนการผลิตหรือบริการ โดยมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ความสามารถในการสร้างกำไรในขั้นต้นของธุรกิจ

สูตรการคำนวณกำไรขั้นต้น

1. กำไรขั้นต้น (Gross Profit):     กำไรขั้นต้น = รายได้รวม - ต้นทุนขาย

2. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin):   อัตรากำไรขั้นต้น (%) = (กำไรขั้นต้น ÷ รายได้รวม) × 100

ตัวอย่างการคำนวณกำไรขั้นต้น

บริษัท ABC มีข้อมูลทางการเงินดังนี้

- รายได้รวม: 1,000,000 บาท

- ต้นทุนขาย: 600,000 บาท

คำนวณ:

1. หากำไรขั้นต้น  สูตรคือ   กำไรขั้นต้น = รายได้รวม - ต้นทุนขาย

1,000,000 - 600,000 = 400,000 บาท

 

2. หาอัตรากำไรขั้นต้น  สูตรคือ    อัตรากำไรขั้นต้น (%) = (กำไรขั้นต้น ÷ รายได้รวม) × 100

(400,000 ÷ 1,000,000) × 100 = 40%

ผลลัพธ์:

- กำไรขั้นต้น = 400,000 บาท

- อัตรากำไรขั้นต้น = 40%

 

3. เกณฑ์กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit)

เกณฑ์กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) หมายถึง กำไรที่ธุรกิจได้รับจากการดำเนินกิจการหลัก โดยหักต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenses) ออกจากรายได้รวม แต่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก เช่น ดอกเบี้ยหรือภาษี

กำไรจากการดำเนินงานสะท้อนถึงประสิทธิภาพของธุรกิจในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในกิจกรรมหลัก เช่น การขายสินค้า บริการ หรือการผลิต

สูตรการคำนวณกำไรจากการดำเนินงาน

1. กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit):   

กำไรจากการดำเนินงาน = รายได้รวม - (ต้นทุนขาย + ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน)

 

2. อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin):

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (%) = (กำไรจากการดำเนินงาน ÷ รายได้รวม) × 100

 

ตัวอย่างการคำนวณกำไรจากการดำเนินงาน

บริษัท XYZ มีข้อมูลดังนี้

- รายได้รวม: 1,200,000 บาท

- ต้นทุนขาย: 500,000 บาท

- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 400,000 บาท

คำนวณ:

1. หากำไรจากการดำเนินงาน

กำไรจากการดำเนินงาน = รายได้รวม - (ต้นทุนขาย + ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน)
1,200,000 - (500,000 + 400,000) = 300,000 บาท

2. หาอัตรากำไรจากการดำเนินงาน

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (%) = (กำไรจากการดำเนินงาน ÷ รายได้รวม) × 100
(300,000 ÷ 1,200,000) × 100 = 25%

ผลลัพธ์:

- กำไรจากการดำเนินงาน = 300,000 บาท

- อัตรากำไรจากการดำเนินงาน = 25%

 

4. เกณฑ์กำไรทางภาษี (Taxable Profit)

เกณฑ์กำไรทางภาษี (Taxable Profit) หมายถึง กำไรที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีการปรับปรุงจากกำไรทางบัญชี (Accounting Profit) โดยการเพิ่มหรือลดรายการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการคำนวณภาษี เช่น รายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ หรือรายได้และค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องเสียภาษี

กำไรทางภาษีจะถูกใช้ในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระให้แก่กรมสรรพากร ซึ่งถือเป็นตัวเลขสำคัญสำหรับการยื่นแบบภาษี

 

สูตรการคำนวณกำไรทางภาษี

กำไรทางภาษี = กำไรทางบัญชี + การปรับรายการที่ไม่ได้รับอนุญาตทางภาษี - การปรับรายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้

 

การปรับรายการที่ไม่ได้รับอนุญาตทางภาษี:

รายการที่ไม่สามารถหักเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ หรือรายจ่ายที่กฎหมายไม่อนุญาตให้หักภาษี

การปรับรายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้:

รายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ เช่น การหักค่าบริจาค การหักค่าเสื่อมราคา หรือการหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพากร

ตัวอย่างการคำนวณกำไรทางภาษี

บริษัท ABC มีข้อมูลดังนี้

- กำไรทางบัญชี (Accounting Profit): 1,000,000 บาท

- ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตทางภาษี: 100,000 บาท

- รายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้: 50,000 บาท

คำนวณ:

1. กำไรทางภาษี = กำไรทางบัญชี + ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตทางภาษี - รายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้

กำไรทางภาษี = 1,000,000 + 100,000 - 50,000
กำไรทางภาษี = 1,050,000 บาท

ผลลัพธ์:

กำไรทางภาษี = 1,050,000 บาท

 

5. กำไรต่อหน่วยสินค้า (Unit Profit)

กำไรต่อหน่วยสินค้า (Profit Per Unit) คือ จำนวนกำไรที่ธุรกิจได้จากการขายสินค้าหนึ่งหน่วย หลังจากหักต้นทุนการผลิตหรือค่าซื้อสินค้าแล้ว เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า

การคำนวณกำไรต่อหน่วยสินค้าช่วยให้เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์และประเมินการทำกำไรจากการขายสินค้าแต่ละหน่วยได้ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดหรือการผลิตเพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ

 

วิธีคำนวณกำไรต่อหน่วยสินค้า

การคำนวณกำไรต่อหน่วยสินค้าจะใช้สูตรพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนการผลิตและราคาขาย:

สูตรการคำนวณกำไรต่อหน่วยสินค้า

กำไรต่อหน่วยสินค้า = ราคาขาย − ต้นทุนการผลิตหรือซื้อสินค้า

ตัวอย่างการคำนวณ:

สมมติว่า คุณเป็นเจ้าของธุรกิจขายเสื้อผ้า และมีข้อมูลดังนี้:

- ราคาขายเสื้อผ้า: 300 บาท

- ต้นทุนการผลิตเสื้อผ้า (ต้นทุนซื้อ): 150 บาท

คำนวณกำไรต่อหน่วยสินค้า:

กำไรต่อหน่วยสินค้า=300 บาท−150 บาท=150 บาท

ผลลัพธ์:
กำไรที่คุณได้รับจากการขายเสื้อผ้าหนึ่งตัวคือ 150 บาท

 

ทำไมเจ้าของกิจการต้องเข้าใจเกณฑ์กำไร

1. การวางแผนการเงิน  เข้าใจเกณฑ์กำไรช่วยให้สามารถตั้งเป้าหมายรายได้และจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

2. การรายงานต่อผู้ถือหุ้น  ตัวเลขกำไรสุทธิหรือกำไรจากการดำเนินงานเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้น

3. การปฏิบัติตามกฎหมาย  ธุรกิจต้องรายงานกำไรสุทธิและเสียภาษีตามเกณฑ์กำไรที่กำหนดโดยกฎหมาย

4. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน  การวิเคราะห์เกณฑ์กำไรช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด

 

ความสำคัญของการใช้เกณฑ์กำไรในธุรกิจ

1. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์   ใช้กำไรขั้นต้นในการพิจารณาปรับราคาสินค้า ใช้กำไรสุทธิสำหรับวางแผนขยายธุรกิจ

2. การตรวจสอบความมั่นคงทางการเงิน  เกณฑ์กำไรช่วยตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงิน

3. การสร้างความน่าเชื่อถือ  รายงานกำไรที่ถูกต้องช่วยสร้างความไว้วางใจในกลุ่มผู้ถือหุ้นและลูกค้า

 

ข้อควรระวังเกี่ยวกับเกณฑ์กำไร

1. การคำนวณกำไรผิดพลาด  หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจทำให้การวิเคราะห์ธุรกิจคลาดเคลื่อน

2. ละเลยค่าใช้จ่ายบางประเภท  ค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เช่น ค่าเสื่อมราคา อาจมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ

3. การไม่ปรับตัวตามกฎหมายภาษี  การรายงานกำไรที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายอาจนำไปสู่การเสียค่าปรับ

 

การใช้เกณฑ์กำไรในทางปฏิบัติ

- การวางแผนภาษี: ใช้กำไรทางภาษีในการคำนวณภาระภาษีที่แท้จริง

- การวิเคราะห์ผลตอบแทน: ใช้กำไรสุทธิในการประเมินความคุ้มค่าของโครงการต่าง ๆ

- การตั้งเป้าหมาย: ตั้งเป้ากำไรขั้นต้นเพื่อเพิ่มผลกำไรจากการขาย

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์กำไร

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ เกณฑ์กำไร ครอบคลุมหลายมาตราภายใต้ประมวลรัษฎากรและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ การคำนวณกำไร และการเสียภาษี โดยมีมาตราที่สำคัญดังนี้

 

1. ประมวลรัษฎากร (Revenue Code)

การคำนวณรายได้และกำไรสุทธิ

มาตรา 65:   กำหนดให้คำนวณกำไรสุทธิจากรายได้ทั้งหมดหักด้วยรายจ่ายที่กฎหมายอนุญาต  รายจ่ายต้องเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ

มาตรา 65 ตรี:  ระบุรายจ่ายที่ ไม่สามารถหักลดหย่อน ได้ เช่น รายจ่ายส่วนตัว  รายจ่ายเกินสมควร  รายจ่ายที่ไม่มีเอกสาร

มาตรา 65 จัตวา:  ระบุรายการรายได้และรายจ่ายที่ต้อง เพิ่มกลับ หรือ หักออก ในการคำนวณกำไรสุทธิ เช่น รายจ่ายที่เกินกว่าอัตราที่กำหนด รายได้ที่ยังไม่ได้รับจริง

 

การรายงานกำไรและการเสียภาษี

มาตรา 66:  กำหนดให้ธุรกิจต้องนำกำไรสุทธิที่ได้รับมาจัดสรร หรือแสดงในรายงานที่กำหนด

มาตรา 67 และ 68:  ระบุขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการภาษีจากกำไรสุทธิ (แบบ ภ.ง.ด.50 หรือ 51 สำหรับนิติบุคคล)

 

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

มาตรา 69:  กำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับรายได้บางประเภทที่เกี่ยวข้องกับกำไร

 

ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax)

มาตรา 70:  กำหนดให้เสียภาษีเงินได้หากมีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม


2. พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 (Accounting Act B.E. 2543)

กฎหมายนี้เกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชีและงบการเงินที่แสดงผลกำไรสุทธิ

มาตรา 8:  กำหนดให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องแสดงรายการกำไรขาดทุนอย่างชัดเจน

มาตรา 9 และ 10:  ระบุว่าบัญชีที่แสดงกำไรต้องสอดคล้องกับมาตรฐานบัญชี

 

3. พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม พ.ศ. 2535 (VAT Act B.E. 2535)

แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกำไรโดยตรง แต่มีผลต่อการคำนวณต้นทุนและรายได้

มาตรา 82/3:  กำหนดให้ธุรกิจต้องจัดทำรายงานแสดงยอดขายและกำไรที่เกี่ยวข้องกับ VAT

 

4. พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (BOI Act)

ธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับกำไร

มาตรา 31 และ 34:  กำหนดสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด

 

5. กฎหมายแรงงาน (Labour Law)

เกี่ยวข้องกับการจัดการกำไรในส่วนที่เกี่ยวกับพนักงาน

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 55-57:  ระบุการจ่ายโบนัสและผลตอบแทนที่คำนวณจากกำไรสุทธิ

 

6. มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (TFRS)

กฎหมายไม่ระบุมาตรา แต่บังคับให้ธุรกิจปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี เช่น

- TFRS 15: การรับรู้รายได้

- TFRS 16: การคำนวณค่าเช่าที่อาจส่งผลต่อกำไร

 

7. กฎหมายภาษีระหว่างประเทศ (International Tax Laws)

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้ามชาติ

มาตราในอนุสัญญาภาษีซ้อน (Double Taxation Agreements) กำหนดแนวทางการแบ่งกำไร

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ เกณฑ์กำไร มีหลายมาตราและข้อกำหนดที่เจ้าของกิจการต้องศึกษาอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายและบริหารจัดการกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนักบัญชีเมื่อต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติ

 

ข้อควรระวังสำหรับเจ้าของกิจการ

1. การคำนวณกำไรผิดพลาด  หากกำไรที่รายงานไม่ตรงตามข้อเท็จจริง อาจทำให้ถูกปรับหรือตรวจสอบเพิ่มเติมจากกรมสรรพากร

2. ไม่จัดทำเอกสารสนับสนุน  หากไม่มีเอกสารประกอบการทำบัญชีที่ครบถ้วน จะเกิดปัญหาเมื่อต้องผ่านการตรวจสอบ

3. ละเลยการวางแผนภาษี  การไม่คำนึงถึงการลดหย่อนภาษีที่ถูกต้อง อาจทำให้ธุรกิจเสียประโยชน์

 

เกณฑ์กำไรและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของกิจการทุกคนต้องศึกษาและปฏิบัติตาม การเข้าใจความแตกต่างของกำไรแต่ละประเภทและการปฏิบัติตามข้อกฎหมายไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นและโปร่งใส

คำแนะนำ: หากคุณต้องการเพิ่มความมั่นใจในด้านการจัดการบัญชีและปฏิบัติตามกฎหมาย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี เพื่อให้ธุรกิจของคุณมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow