การเรียนแพทย์ทหารไม่ได้เป็นเพียงการศึกษาในด้านการแพทย์ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกฝนในด้านการทหารอีกด้วย มีการฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและการดูแลทหารในพื้นที่สนามรบหรือสถานการณ์วิกฤต นอกจากนี้ผู้เรียนแพทย์ทหารจะได้รับประสบการณ์ในการฝึกปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยทหารต่างๆ ทั้งในภาคสนามและสถานพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งทำให้การเรียนในสายนี้มีความแตกต่างจากการเรียนแพทย์ทั่วไปอย่างชัดเจน ใครอยากรู้ว่าการเรียนแพทย์ทหาร 6 ปี เรียนอะไรบ้างมาศึกษากัน

สถาบันการศึกษาที่เปิดสอนด้านแพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทย คือ "วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า"

มาดูคุณสมบัติผู้สมัครที่เปิดรับ

- มีคุณสมบัติตามประกาศของ กสพท
- อายุไม่เกิน 20 ปี
- มีเชื้อชาติ และสัญชาติไทย
- บิดา/มารดา มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
- ไม่เป็นโรคตามที่กำหนดไว้ ในกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร แต่ไม่เป็นโรคหรือปัญหาทางการแพทย์ ไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ หรือ บุคลิกภาพที่เป็นอุปสรรคหรือขัดต่อการเป็นนักเรียนแพทย์ทหาร/นักศึกษาแพทย์
- ส่วนสูง น้ำหนัก
1. เพศชาย : ส่วนสูง ไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร น้ำหนัก ไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม และความขยายของหน้าอก เมื่อหายใจเข้า ไม่ต่ำกว่า 78 เซนติเมตร หายใจออก ไม่ต่ำกว่า 75 เซนติเมตร
2. เพศหญิง : ส่วนสูง ไม่ต่ำกว่า 150 เซนติเมตร น้ำหนัก ไม่ต่ำกว่า 40 กิโลกรัม

- เป็นโสด ไม่เคยมีความประพฤติที่แสดงว่าเป็นผู้มีภรรยา หรือสามี
- ไม่อยู่ระหว่างตกเป็นจำเลยในคดีอาญา หรือ ไม่เคยต้องคำพิพากษาของศาล ว่าด้วยการกระทำความผิดในคดีอาญา เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
- ไม่เสพยาเสพติด หรือสารเคมีเสพติดให้โทษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ประพฤติดี ไม่บกพร่องศีลธรรม มีอุดมการณ์เลื่อมใสในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

แพทย์ทหาร 6 ปี เรียนอะไรบ้าง

- ชั้นปีที่ 1 ชั้นเตรียมแพทย์

นิสิตเตรียมแพทย์ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า จะได้เข้าเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นระยะเวลา 1 ปี   เรียนในรายวิชาที่เรียนจะเป็นวิชาพื้นฐานสายวิทยาศาสตร์ เช่น ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี และคณิตศาสตร์ เป็นต้น

- ชั้นปีที่ 2 ชั้นปรีคลินิก

ย้ายมาเรียนที่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า โดยในชั้นปีที่ 2 นอกจากน้อง ๆ จะต้องเรียนวิชาด้านการแพทย์​ กายวิภาค Anatomy​แล้ว ยังมีการฝึกระเบียบวินัยขั้นพื้นฐานทางการทหาร​ 
 

- ชั้นปีที่ 3 ชั้นปรีคลินิก

ในปีนี้ จะเริ่มออกไปฝึกทหารเสนารักษ์ การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บในสนามรบ ฝึกการซุ่มโจมตีและเล็ดลอดหลบหนี รวมถึงวิธีการดูแลผู้ป่วย และการส่งกลับผู้บาดเจ็บในสนามรบ ทั้งการใช้เปลสนาม รถพยาบาล และการส่งกลับทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ เป็นต้น

- ชั้นปีที่ 4 ชั้นคลินิก

การเรียนการสอนในชั้นปีที่ 4 เรียนที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยในระดับคลินิกจะเป็นการนำความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งหมดมาประยุกต์ใช้จริง​เหมือนสถาบันเเพทย์ทุกที่ มีขึ้นวอร์ด และได้ฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริง ๆ อาทิ อายุรศาสตร์ ศัลยศาสตร์ กุมารเวชศาสตร์ สูติศาสตร์  และเวชศาสตร์ฉุกเฉิน เป็นต้น

- ชั้นปีที่ 5 ชั้นคลินิก

ฝึกปฏิบัติงานจริงอยู่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยจะได้เริ่มทำงานจริงกับผู้ป่วย ทั้งการวินิจฉัยโรค เข้าห้องผ่าตัด อยู่เวร   เตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพก่อนที่จะจบเป็นแพทย์​
- ชั้นปีที่ 6 ชั้นคลินิก เตรียมเป็นแพทย์

ชั้นปีที่ 6 ฝึกปฏิบัติงานจริง

อยู่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยจะมีการหมุนเวียนการฝึกปฏิบัติงานในภาควิชาคลินิกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ โรงพยาบาลศูนย์ หรือโรงพยาบาลทหารในค่าย