ในโลกที่ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่ารักษาพยาบาลในวัยสูงอายุ ย่อมเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การวางแผนเกษียณช่วยลดความไม่แน่นอนในอนาคต และสร้างความมั่นใจว่าคุณจะมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น หากไม่มีเงินเก็บเพียงพอ คุณอาจต้องพึ่งพาครอบครัวหรือเผชิญกับความเครียดด้านการเงินในช่วงเวลาที่คุณควรได้พักผ่อน
1. การตั้งเป้าหมายการเกษียณ
เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้คุณกำหนดเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับการออมและการลงทุน ตัวอย่างเป้าหมาย เช่น "ต้องการมีเงินเก็บ 5 ล้านบาทในอีก 20 ปี" หรือ "ต้องการรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนหลังเกษียณ"
2. การคำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
คุณควรประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าเดินทางท่องเที่ยวหรืองานอดิเรก
ตัวอย่างการคำนวณ:
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน: 30,000 บาท
- ระยะเวลาหลังเกษียณ: 25 ปี
- เงินที่ต้องการทั้งหมด: 30,000 × 12 × 25 = 9,000,000 บาท
3. การวางแผนการออมเงิน
แบ่งเงินออมตามเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว เช่น การออมในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
1. การสร้างพอร์ตการลงทุน
การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย เช่น กองทุนรวม หุ้น หรือพันธบัตร ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน ตัวอย่าง:
- อายุ 30-40 ปี: ลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง
- อายุ 50-60 ปี: เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล
2. การเตรียมตัวด้านประกันชีวิตและสุขภาพ
การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน ตัวอย่างเช่น ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโรคร้ายแรง หรือประกันชีวิตที่ให้ผลตอบแทนเมื่อต้องการใช้ในอนาคต
1. แอปพลิเคชันจัดการการเงิน
ใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น "Money Lover" หรือ "FINNOMENA" ช่วยติดตามรายรับ-รายจ่าย และวางแผนการลงทุน
2. เทคนิคการลดหนี้สินก่อนเกษียณ
เริ่มต้นชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน เช่น บัตรเครดิต เพื่อเพิ่มเงินออมและลดภาระทางการเงินในระยะยาว