การสตาร์ทรถหลังน้ำท่วม ทันทีอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากขึ้น เนื่องจากน้ำอาจเข้าไปในเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า หากน้ำเข้าถึงเครื่องยนต์ การสตาร์ทอาจทำให้เกิดการลัดวงจรและเสียหายหนักมากขึ้น ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบก่อนสตาร์ทรถทุกครั้ง
หลังจากน้ำท่วมสิ่งสำคัญคือการตรวจเช็คของเหลวต่าง ๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น และน้ำมันเกียร์ เพื่อดูว่ามีน้ำปนเปื้อนหรือไม่ หากน้ำเข้าไปผสมในน้ำมันเครื่องหรือของเหลวต่าง ๆ จะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลงและอาจทำให้เกิดความเสียหาย ควรเปลี่ยนของเหลวทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย
ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เป็นส่วนที่มีความเสี่ยงสูงหากน้ำเข้าท่วม ตรวจสอบสายไฟ แบตเตอรี่ และฟิวส์ เพื่อดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ ควรเช็ดให้แห้งก่อนทดลองเปิดไฟหรือระบบต่าง ๆ หากไม่มั่นใจ ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบระบบให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนเริ่มใช้งาน
น้ำท่วมอาจส่งผลกระทบต่อ ระบบเบรก และช่วงล่างของรถ น้ำที่เข้าไปอาจทำให้เบรกทำงานไม่เต็มที่หรือลดประสิทธิภาพ ควรตรวจสอบผ้าเบรก ดรัมเบรก และระบบกันสะเทือนต่าง ๆ หากมีเสียงแปลก ๆ หรือการเบรกไม่ปกติ ควรนำรถไปให้ช่างซ่อมบำรุงตรวจสอบทันที
ภายในรถที่โดนน้ำท่วมอาจมีความชื้นสะสม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดกลิ่นอับและเชื้อราขึ้นในภายหลัง ควรทำการ ทำความสะอาดภายในรถ ทันทีโดยเปิดประตูและหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ หากที่นั่งและพรมเปียก ควรนำออกมาทำความสะอาดและตากแดดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นที่อาจทำให้สุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเสียหาย
ตรวจสอบยางรถยนต์ ว่ามีสิ่งสกปรกหรือเศษวัตถุต่าง ๆ ที่ติดอยู่ในยางหรือไม่ หากพบว่ายางลื่นหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่หลังน้ำท่วม นอกจากนี้ควรตรวจสอบความดันลมยางและปรับให้เหมาะสม
สุดท้ายควรนำรถยนต์ไปตรวจเช็คอย่างละเอียดที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมที่เชื่อถือได้เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทุกระบบของรถอย่างละเอียด อาจต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นหรือทำการบำรุงรักษาเพิ่มเติมเพื่อให้รถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและเต็มประสิทธิภาพ