คือทฤษฎีที่แบ่งสีที่เหมาะกับคนแต่ละคนตามโทนสีผิว ตา และสีผม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฤดูหลัก ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (Spring), ฤดูร้อน (Summer), ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) และฤดูหนาว (Winter) การรู้จักว่าตัวเองมีโทนสีแบบใดช่วยให้เราสามารถเลือกสีเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เข้ากับตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์คือทำให้เราดูสวยงามและมั่นใจมากขึ้นในทุกสถานการณ์
1. การเลือกสีเสื้อผ้าที่เหมาะสม
เมื่อเราเลือกสีที่ตรงกับ Personal Colour ของเรา สีเหล่านั้นจะช่วยเน้นความงามและลักษณะเด่นของเรา ทำให้เราดูสดใสและโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน เช่น คนที่มีโทนสีผิวอบอุ่นจะเหมาะกับสีโทนอบอุ่นอย่างสีทองหรือส้มอิฐ
2 .เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี
การเลือกใช้สีที่เข้ากับบุคลิกภาพช่วยทำให้เรามั่นใจมากขึ้นเมื่อเจอผู้คน ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในโอกาสต่างๆ สีที่เหมาะสมสามารถทำให้เราดูเป็นมืออาชีพและเข้ากับสถานการณ์มากขึ้น
3. การเลือกเครื่องสำอางและสีผม
นอกจากเสื้อผ้าแล้ว Personal Colour ยังสามารถนำมาใช้ในการเลือกสีเครื่องสำอาง เช่น ลิปสติก อายแชโดว์ หรือแม้กระทั่งสีผมที่เหมาะกับสีผิว ช่วยให้ลุคโดยรวมดูสอดคล้องและส่งเสริมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
4. เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
เมื่อเราเลือกสวมใส่สีที่ทำให้เรารู้สึกดี เราจะมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้สามารถแสดงออกตัวตนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน สังคม หรือในโอกาสพิเศษ ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นนี้ยังส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการงานอีกด้วย
การค้นหา Personal Colour ของตัวเองสามารถทำได้โดยการทำแบบทดสอบกับผู้เชี่ยวชาญหรือใช้เครื่องมือออนไลน์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งการรู้จักโทนสีที่เหมาะสมกับเราจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที
รู้ไหม เลือกสีที่ใช่ ดูดีได้ในพริบตา เรียนรู้การแต่งตัวให้ปัง ตาม Personal Color การแต่งตัวตามรูปร่างเพื่อส่งเสริมบุคคลิกภาพ
“เสริมจุดเด่น” “พลางจุดด้อย” ให้ใครก็มองเหลียวหลัง ดูรายละเอียดเลย https://vcourse.ai/courses/733