Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การเปรียบเทียบงบการเงิน

Posted By Kung_nadthanan | 06 ก.ย. 67
242 Views

  Favorite

การวิเคราะห์งบการเงิน:  การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น และงบกระแสเงินสด

การวิเคราะห์งบการเงิน  เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพทางการเงินของธุรกิจ ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกการเปรียบเทียบงบการเงิน และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น และงบกระแสเงินสด ซึ่งทั้งสามงบนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจและนักลงทุนสามารถเข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน

การเปรียบเทียบงบการเงิน คืออะไร

การเปรียบเทียบงบการเงิน คือ กระบวนการที่นำงบการเงินของบริษัทในช่วงเวลาต่าง ๆ หรือเปรียบเทียบกับงบการเงินของบริษัทอื่น ๆ มาใช้วิเคราะห์เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัท โดยทั่วไปแล้วการเปรียบเทียบงบการเงินจะช่วยให้เห็นถึงแนวโน้มทางการเงิน ความสามารถในการทำกำไร การบริหารจัดการต้นทุน และความมั่นคงทางการเงินของบริษัท

รูปแบบของการเปรียบเทียบงบการเงิน

1. การเปรียบเทียบตามแนวตั้ง (Vertical Analysis): 

เป็นการเปรียบเทียบในช่วงเวลาหนึ่ง โดยการเปรียบเทียบแต่ละรายการในงบการเงินกับรายการฐาน (Base Item) เพื่อดูสัดส่วนที่แต่ละรายการมีต่อรายการฐาน เช่น การเปรียบเทียบแต่ละรายการในงบกำไรขาดทุนกับยอดขายรวม

2. การเปรียบเทียบตามแนวนอน (Horizontal Analysis): 

เป็นการเปรียบเทียบงบการเงินของบริษัทในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อดูแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหลายปี เช่น การเปรียบเทียบยอดขายหรือกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

3. การเปรียบเทียบกับคู่แข่งหรืออุตสาหกรรม (Benchmarking): 

เป็นการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทกับบริษัทคู่แข่งหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อดูว่าบริษัทอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับตลาด

ความสำคัญของการเปรียบเทียบงบการเงิน

- การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):  การเปรียบเทียบงบการเงินในช่วงเวลาต่าง ๆ จะช่วยให้เห็นแนวโน้มทางการเงินของบริษัท เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง การบริหารจัดการต้นทุน หรือการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์และหนี้สิน

- การประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงาน:  การเปรียบเทียบงบการเงินกับคู่แข่งหรือมาตรฐานในอุตสาหกรรม ช่วยให้บริษัททราบถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานของตนเองว่าอยู่ในระดับใด และมีจุดที่ต้องปรับปรุงหรือไม่

- การตัดสินใจทางการเงิน:  ผู้บริหารและนักลงทุนสามารถใช้ผลการเปรียบเทียบงบการเงินในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การขยายธุรกิจ หรือการปรับปรุงการบริหารจัดการ

การใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการเปรียบเทียบงบการเงิน

- อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratios):  การใช้ตัวเลขจากงบการเงินมาคำนวณเป็นอัตราส่วน เช่น อัตราส่วนกำไรสุทธิ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเสี่ยงทางการเงิน

- การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):  การเปรียบเทียบข้อมูลงบการเงินในช่วงหลายปีเพื่อดูแนวโน้มทางการเงินของบริษัท

- การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง (Benchmarking):  การนำผลการดำเนินงานของบริษัทมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งหรือมาตรฐานในอุตสาหกรรม เพื่อดูว่า บริษัทอยู่ในระดับใด

งบการเงินทั้งสามงบ

ได้แก่ งบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet), งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (Statement of Changes in Equity), และงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในการนำเสนอข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ โดยแต่ละงบมีบทบาทสำคัญในการแสดงภาพรวมของสถานะทางการเงิน ความสามารถในการสร้างรายได้ และการบริหารจัดการกระแสเงินสด

1. งบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet)

งบแสดงฐานะการเงินเป็นการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่สิ้นสุดงวดบัญชี โดยโครงสร้างของงบนี้เป็นดังนี้:

- สินทรัพย์ (Assets):  แสดงมูลค่ารวมของทรัพย์สินที่บริษัทถือครอง

- หนี้สิน (Liabilities):  แสดงมูลค่ารวมของภาระหนี้สินที่บริษัทต้องชำระ

- ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity):  แสดงมูลค่าทุนที่เป็นของเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นหลังจากหักหนี้สินออกจากสินทรัพย์

2. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (Statement of Changes in Equity)

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นงบที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นตลอดช่วงเวลาที่กำหนด เช่น การเพิ่มทุน การจ่ายเงินปันผล หรือกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น โดยงบนี้จะเชื่อมโยงกับงบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุน เพราะการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นมาจากกำไรสุทธิและการดำเนินงานทางการเงินอื่น ๆ

3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)

งบกระแสเงินสดแสดงการไหลเวียนของเงินสดในธุรกิจ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก:

- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Operating Activities):  แสดงเงินสดที่เกิดจากการดำเนินงานหลักของธุรกิจ เช่น การขายสินค้าและบริการ การจ่ายค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

- กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Investing Activities):  แสดงเงินสดที่ใช้ในการลงทุน เช่น การซื้อทรัพย์สินถาวร การขายทรัพย์สิน

- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุน (Financing Activities):  แสดงเงินสดที่เกิดจากกิจกรรมการจัดหาเงินทุน เช่น การกู้ยืม การจ่ายเงินปันผล การออกหุ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น และงบกระแสเงินสด

1. งบแสดงฐานะการเงิน (Statement of Financial Position) 

งบแสดงฐานะการเงินแสดงถึงทรัพย์สิน หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันสิ้นงวดบัญชี ซึ่งเป็นภาพรวมที่แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินของบริษัท ณ ขณะหนึ่ง ๆ งบนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ความสามารถในการจ่ายหนี้ และการจัดการสินทรัพย์ของบริษัท

2. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (Statement of Changes in Equity) 

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นจะแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นระหว่างงวด ซึ่งรวมถึงการเพิ่มทุน, กำไรสะสม, การจ่ายเงินปันผล และการปรับปรุงบัญชีต่างๆ งบนี้ช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจถึงการเคลื่อนไหวในส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กับงบแสดงฐานะการเงิน

3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) 

งบกระแสเงินสดแสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดของบริษัท โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงินทุน การวิเคราะห์งบกระแสเงินสดช่วยให้เข้าใจถึงการสร้างกระแสเงินสดและความสามารถในการจ่ายหนี้ของบริษัท ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับงบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ความสัมพันธ์

การเปรียบเทียบงบการเงินทั้งสามประเภทนี้สามารถทำให้เราเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เช่น หากงบแสดงฐานะการเงินแสดงถึงหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่งบกระแสเงินสดแสดงว่ากิจกรรมดำเนินงานสร้างกระแสเงินสดได้ต่ำ อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทอาจมีปัญหาในการจ่ายหนี้ในอนาคต นอกจากนี้ การวิเคราะห์งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นร่วมกับงบแสดงฐานะการเงิน จะช่วยให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทุนและการจัดการผลกำไรของบริษัท

แนวทางการเปรียบเทียบงบการเงิน

1. การเปรียบเทียบระหว่างงวดบัญชีต่างๆ (Horizontal Analysis)

การวิเคราะห์งบการเงินแบบแนวนอนเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลจากงบการเงินของบริษัทในช่วงเวลาต่างๆ เช่น เปรียบเทียบงบการเงินของปีปัจจุบันกับปีที่ผ่านมา การวิเคราะห์นี้ช่วยให้เราเห็นแนวโน้มการเติบโตหรือถดถอยของธุรกิจ เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงในกำไรสุทธิ

2.การเปรียบเทียบในงบการเงินเดียวกัน (Vertical Analysis)

การวิเคราะห์งบการเงินแบบแนวตั้งเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลภายในงบการเงินเดียวกัน เช่น การคำนวณสัดส่วนของแต่ละรายการในงบกำไรขาดทุนเทียบกับยอดขายทั้งหมด หรือการคำนวณสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภทในงบแสดงฐานะการเงินเทียบกับสินทรัพย์รวม การวิเคราะห์นี้ช่วยให้เรามองเห็นโครงสร้างทางการเงินของบริษัทอย่างละเอียด

3. การเปรียบเทียบกับข้อมูลของอุตสาหกรรมหรือคู่แข่ง (Benchmarking)

การเปรียบเทียบงบการเงินของบริษัทกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมหรือคู่แข่งที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันช่วยให้เรามองเห็นความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนของธุรกิจ เช่น เปรียบเทียบสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม หรือเปรียบเทียบอัตรากำไรสุทธิกับคู่แข่ง

ข้อมูลที่ควรพิจารณาในการเปรียบเทียบงบการเงิน

1. งบกำไรขาดทุน (Income Statement)

การเปรียบเทียบยอดขาย ค่าใช้จ่าย และกำไรสุทธิจะช่วยให้เรามองเห็นการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและการเพิ่มรายได้

2. งบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet)

การเปรียบเทียบสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นช่วยให้เราเห็นถึงโครงสร้างทางการเงินของบริษัท และประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้

3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)

การเปรียบเทียบกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน การลงทุน และการจัดหาเงินทุนช่วยให้เราเข้าใจถึงการบริหารจัดการเงินสดของบริษัท และประเมินความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด

ประโยชน์ของการเปรียบเทียบงบการเงิน

- การวิเคราะห์แนวโน้ม:  การเปรียบเทียบระหว่างงวดบัญชีต่างๆ ช่วยให้เราเห็นแนวโน้มของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโต การลดลง หรือการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกหรือลบ

- การระบุจุดแข็งและจุดอ่อน:  การเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมหรือคู่แข่งช่วยให้เราเห็นว่าบริษัทมีจุดแข็งหรือจุดอ่อนในด้านใด และนำข้อมูลนั้นมาปรับปรุงการดำเนินงาน

- การวางแผนและตัดสินใจ:  ข้อมูลที่ได้จากการเปรียบเทียบงบการเงินจะช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนสามารถวางแผนและตัดสินใจทางการเงินได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

 

งบการเงิน ทั้งสามงบมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในการแสดงข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ โดยงบแสดงฐานะการเงินให้ภาพรวมของทรัพย์สิน หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นแสดงการเปลี่ยนแปลงในทุนของผู้ถือหุ้น และงบกระแสเงินสดแสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดในธุรกิจ การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างงบการเงินเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow