อังกฤษ TGAT vs อังกฤษ A-Level แตกต่างกันอย่างไร?? ทั้ง2วิชานั้นมีความยากความง่ายที่แตกต่างกัน ในส่วนของ TGAT ภาษาอังกฤษ จะมีความเป็น General มากกว่า ง่ายกว่า และเหมาะสำหรับนักเรียนทุกคน ทุกคณะต้องการใช้คะแนน TGAT ภาษาอังกฤษ เป็นการอ่านเพื่อความเข้าใจในเชิงของภาษา ระดับที่ไม่ได้ยากมากนัก การสอบ TGAT ภาษาอังกฤษ มีรายละเอียดโครงสร้างภายในมีความซับซ้อนน้อยกว่า คำศัพท์ง่ายกว่า ส่วนของ A-Level มีความเป็น Advanced Level ในระดับที่สูงขึ้น ข้อสอบจะออกอะไรที่มันยากขึ้น Conversation ใน A-Level มีคำศัพท์ที่ยากขึ้น มีสำนวนเยอะมากขึ้น บทความจะมีความซับซ้อน รูปแบบแพทเทิร์นมีความหลากหลายมากกว่าและยาวกว่า ที่สำคัญคือมีพาร์ต Writing เพิ่มเข้ามาด้วย
Speaking Skill
- Question-Response
- Short Conversation
- Long Conversation
Reading Skill
- Text Completion
- Reading Comprehension
Listening and Speaking Skills
- Short Conversation
- Long Conversation
Reading Skill
- Advertisement
- Product or Service Review
- News Report
- Visual
- Article
Writing Skill
-Text Completion
- Paragraph Organization
เด็ก TCAS ทุกคนต้องสอบ TGAT เพราะทุกคณะ/สาขาวิชาในรอบ 3 ต้องใช้คะแนนนี้เป็นส่วนประกอบหลัก ส่วนในรอบอื่น ๆ ก็มีหลายคณะที่ต้องใช้และถือว่าเป็นส่วนประกอบหลักเช่นกัน โดยส่วนมากน้อง ๆ มักจะทำ TGAT พาร์ตภาษาไทยกันได้ดีกันอยู่แล้ว แต่ในการคัดเลือกไม่ได้ใช้คะแนนแค่พาร์ตใดพาร์ตหนึ่ง แต่ใช้คะแนนรวม ดังนั้นน้อง ๆ ไม่ควรทิ้งในพาร์ตของ TGAT ภาษาอังกฤษนะ ถ้าทำคะแนนได้ดี ๆ ก็จะยิ่งเป็นตัวให้คะแนน TGAT รวมเราสูงขึ้น และมีบางสถาบัน กำหนดคะแนน TGAT Eng ขั้นต่ำไว้ด้วย
A-Level หรือเดิมคือวิชาสามัญ ไม่ได้ใช้ทุกคณะ แต่อย่ามองข้ามว่าไม่ต้องสอบก็ได้ คณะส่วนใหญ่ต้องการความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษไว้เป็นพื้นฐานเช่นกัน ทั้งคณะสายวิทย์และสายศิลป์ การสอบ A-Level ภาษาอังกฤษ เผื่อ ๆ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่แพ้กัน เพราะการสอบเผื่อไว้ก่อนยังดีกว่ามานั่งเสียดายทีหลัง แต่ถ้าอยากชัวร์น้อง ๆ ควรศึกษาข้อมูลคณะ/สาขา รอบที่น้องๆอยากเข้า ว่าใช้วิชา A-Level ภาษาอังกฤษ มั้ย
มาเตรียมความพร้อมก่อนสอบ TGAT 1 เก็บทุกอังกฤษในจักรวาล TCAS ให้ครบ พร้อมทคนิคเตรียมสอบแบบเข้มข้น ครอบคลุมทุกสนามสอบได้ที่ >> ENG TCAS สรุปเข้มปูพื้นฐาน