Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

แอปกู้เงินกฏหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง

Posted By รศ. คณาธิป ทองรวีวงศ์ | 05 ส.ค. 67
380 Views

  Favorite

          แอปกู้เงิน ที่จะกล่าวถึงในบทความนี้หมายถึง “ช่องทาง หรือวิธีการกู้เงิน” ที่ผู้สนใจยื่นสมัครและดำเนินเรื่องการกู้เงินผ่านออนไลน์ คอมพิวเตอร์ หรือมือถือ  ซึ่งอาจใช้วิธีการหลากหลาย เช่น  แอดไลน์  ส่งลิงก์ให้กรอก  หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นของผู้ให้กู้มาติดตั้งและกรอกข้อมูล สแกนเอกสาร หรือถ่ายรูปเป็นไฟล์ส่งให้อนุมัติ  บางกรณีก็ยังอาจต้องส่งเอกสารตัวจริงตามไปอีกก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้กู้

 

 

 

          แอปกู้เงิน หรือการขอสินเชื่อ หรือกู้ยืมเงินแบบ “กู้ง่าย อนุมัติไว ผ่านออนไลน์” นี้อาจสะดวกสบายรวดเร็วในยุคดิจิทัล แต่ผู้ต้องการใช้เงินด่วนก็ควรเข้าใจกฎหมายให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจ โดยจะชี้ให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับประเภทของแอปกู้เงินว่าแบบไหนเสี่ยงผิดกฎหมาย

 

กฎหมายที่เกี่ยวกับแอปกู้เงินมีอะไรบ้าง   

          กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อมีหลายฉบับ เช่น ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย  พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ร.บ.การทวงถามหนี้  ฯลฯ   โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ  

- กฎหมายเกี่ยวกับการขออนุญาต  ทั้งนี้เพราะการประกอบธุรกิจสินเชื่อ ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง  

- กฎหมายที่ควบคุมการดำเนินการของแอปเงินกู้ หรือแอปกู้เงิน เช่น ควบคุมอัตราดอกเบี้ยไม่ให้เกินจำนวนที่กำหนด ควบคุมสัญญาที่ทำกับผู้กู้  ควบคุมพฤติกรรมการทวงหนี้ ฯลฯ

    

แอปกู้เงินมีกี่ประเภท และแอปประเภทไหนที่ผิดกฎหมาย

          เราสามารถจำแนกประเภทแอปเงินกู้ ได้ 4 ประเภท

 

1. แอปกู้เงินของสถาบันการเงิน   

          เช่น ธนาคาร ซึ่งประกอบธุรกิจภายใต้ พ.ร.บ. สถาบันการเงิน  สามารถให้กู้ยืมเงินในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะแบบดั้งเดิมโดยติดต่อที่สาขา หรือผ่านแอปของธนาคาร  ในเบื้องต้นจึงกล่าวได้ว่า แอปเงินกู้ของธนาคารเป็นแอปถูกกฎหมาย  แต่ก็ต้องดูรายละเอียดการดำเนินการต่อไปด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การกู้เงินผ่านธนาคาร มีเงื่อนไขและเกณฑ์หลายอย่าง เช่น  ใช้เวลาพิจารณาอนุมัตินาน  ต้องมีหลักประกัน ผู้กู้ต้องมีรายได้หรือประวัติทางการเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด ต้องยื่นรายการเดินบัญชี (Statement)   ฯลฯ ทำให้คนที่อยากกู้แบบ “ด่วน ไว ไม่ต้องค้ำ ไม่ต้องมีหลักประกัน” มองหาทางเลือกอื่น  เช่น 

 

2. แอปกู้เงินของผู้ให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร 

          ผู้ให้สินเชื่อประเภทนี้ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง มีหลายประเภท จับกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน เช่น สินเชื่อเพื่อใช้ส่วนตัว หรือสินเชื่อส่วนบุคคล  สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย ฯลฯ  สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารนี้อาจแบ่งเป็นหลายประเภท มีชื่อเฉพาะเช่น 

 

- สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์  (Nano finance)  

          เป็นการให้กู้รายย่อยเพื่อประกอบธุรกิจ วงเงินจำกัดไม่เกินหนึ่งแสนบาท  และเรียกดอกเบี้ยห้ามเกิน 33% ต่อปี   มีเกณฑ์หรือเงื่อนไขน้อยกว่าการขอสินเชื่อปกติผ่านธนาคาร เช่น ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  พ่อค้าแม่ค้าที่ไม่สามารถแสดงรายได้แน่นอนก็มีสิทธิ์ขอกู้ 

 

- สินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์ (Pico finance)    

          เป็นการให้กู้รายย่อยคล้ายกับนาโนฯ  แต่จำกัดขอบเขตในระดับจังหวัด  หรือเรียกได้ว่าสินเชื่อใกล้ตัวของชาวชุมชนในพื้นที่ แม้ว่าผู้ให้กู้แบบนี้ไม่ใช่ธนาคาร แต่ต้องจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท และได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง จึงต่างจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ    

 

โดยสามารถให้กู้ในวงเงินจำกัดไม่เกินห้าหมื่นบาท ถ้ามีหลักทรัพย์ค้ำประกันคิดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 33% ต่อปี  ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันคิดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 36% ต่อไป แต่ถ้าเป็นประเภท “สินเชื่อพิโกพลัส”  จะให้วงเงินได้เกินห้าหมื่นแต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท  คิดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 28% ต่อปี ผู้ให้กู้แบบพิโกไฟแนนซ์ ต้องใช้เงินตัวเองมาปล่อยกู้  เพราะกฎหมายห้ามระดมทุนจากประชาชนทั่วไปมาปล่อยกู้    

 

ดังนั้น  แอปเงินกู้ของนาโนหรือพิโกซึ่งผู้ประกอบการได้รับอนุญาตแล้ว ในเบื้องต้นก็ถือเป็นแอปที่ถูกกฎหมาย แต่มีข้อควรระวังสองข้อคือ 

 - ชื่อนาโนหรือพิโก เป็นชื่อประเภทสินเชื่อ โดบผู้ให้บริการประเภทนี้ก็จะมีชื่อยี่ห้อของตนเองแตกต่างกันไป โดยต้องดูว่ามีเลขที่ใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย  

 - แม้ว่าแอปเหล่านี้จะเป็น “แอปในระบบ” ของผู้ให้บริการที่ขออนุญาตแล้ว แต่ก็ต้องดูต่อไปว่า การดำเนินการสอดคล้องกับเงื่อนไขกฎหมายหรือไม่ เช่น อัตราดอกเบี้ย การทวงหนี้ ฯลฯ 

 

3. “เงินกู้นอกระบบ”  

          ผู้ให้สินเชื่อประเภทนี้ไม่ได้ขออนุญาต เช่น เจ้าแม่เจ้าพ่อหรือขาใหญ่ในพื้นที่ ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจใด ๆ  เมื่อการประกอบธุรกิจสินเชื่อแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายแล้ว หากมีการให้กู้เงินผ่านแอป ก็เป็น “แอปนอกระบบ” รวมทั้งยังอาจมีความเสี่ยงต่าง ๆ ต่อผู้กู้ เช่น ดอกเบี้ยโหด การบังคับติดตามหนี้แบบคุกคาม ฯลฯ  ผู้ให้กู้นอกระบบแบบนี้ก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้งการประกอบธุรกิจไม่ได้รับอนุญาต  ผิด พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ฯลฯ

 

4. แอปเงินกู้หลอกลวง   

          กล่าวคือ ไม่ใช่ธุรกิจเงินกู้ใด ๆ  แต่ให้โหลดแอปอ้างว่าให้กู้ง่ายดอกเบี้ยต่ำ เพื่อหลอกลวงต่าง ๆ เช่น ส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะนำไปใช้ทุจริต หรือ หลอกให้โอนเงินมัดจำหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ  มาก่อนที่จะได้อนุมัติกู้ ทำให้ผู้ที่เดือดร้อนหาเงินอยู่แล้ว ต้องไปหาเงินมาโอนไปให้อีก หลาย ๆ ครั้ง ในที่สุดแอปนั้นก็หายไป ฯลฯ  แบบนี้อาจจัดอยู่ในประเภท  “แอปดูดเงิน” ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์  ฐานนำข้อมูลปลอมหรือเท็จเข้าสู่ระบบ  รวมทั้ง ฉ้อโกงตามกฎหมายอาญา

 

แอปเงินกู้ในยุคเอไอ 

          แอปเงินกู้ของผู้ให้บริการบางราย อาจเป็นมากกว่าแค่ช่องทางการส่งเอกสาร และใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ขอกู้มากกว่าการกรอกแบบฟอร์มขอกู้  เช่น แอปกู้เงินบางรายนำข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จากสมาร์ทโฟน รวมถึงข้อมูลในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของผู้ขอกู้นั้น แล้วก็ใช้ระบบอัตโนมัติหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) นำข้อมูลรวมกันมาบ่งชี้พฤติกรรม สถานะการเงิน เครดิต ซึ่งอาจทำเป็นค่าคะแนนว่าคน ๆ นี้มีคะแนนทางการเงินเท่าใด ควรให้กู้หรือไม่  ควรได้ดอกเบี้ยเท่าใด ฯลฯ  

 

การกระทำแบบนี้เป็นการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการวิเคราะห์อัตโนมัติและอาจเกี่ยวข้องกับข้อมูล “น่ากังวล” เชิงความรู้สึกของผู้กู้ เพราะวิถีชีวิตต่าง ๆ จะถูกนำมาประกอบในการวิเคราะห์  แบบนี้   แม้ว่าจะเข้าข่ายกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA  ที่โดยหลักแล้วต้องขอความยินยอมก่อนก็ตาม  แต่ผู้ให้กู้มักจะทำ “ข้อตกลงการใข้งาน” ที่ผู้ขอกู้ต้อง “ตกลงยอมรับ” เมื่อจะโหลดแอปมาใช้   เมื่อยอมรับไปแล้วก็ส่งผลให้แอปสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย PDPA     

 

ดังนั้น ถ้าหากผู้กู้ไม่ประสงค์ให้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตอื่น เช่น สื่อโซเชียล ก็ต้องอ่านรายละเอียดในนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงการใช้งานของแต่ละแอปให้ดีก่อนที่จะโหลดและกด “ตกลง”  

 

          แอปเงินกู้ จึงเป็นเพียงช่องทาง หรือวิธีการของการกู้เงิน  สรุปง่าย ๆ หากมีความจำเป็นต้องใช้แอปเหล่านี้ การดูว่าแอปเงินกู้ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ควรตรวจสอบหลักสองข้อสำคัญตามนี้ คือ   

1. ในเบื้องต้นตรวจสอบว่า แอปนั้น ได้รับใบอนุญาตทำธุรกิจถูกต้องหรือไม่  

2. ในการให้กู้ ผู้ให้บริการแอปนั้น ดำเนินกิจกรรมถูกต้องตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่  เช่น คิดดอกเบี้ยเกินอัตราหรือไม่ การนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ไปวิเคราะห์ถูกกฎหมายหรือไม่  

 

 

รศ. คณาธิป ทองรวีวงศ์

สถาบันกฎหมายสื่อดิจิทัล ม เกษมบัณฑิต

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • รศ. คณาธิป ทองรวีวงศ์
  • 0 Followers
  • Follow