เทคนิคที่ 1 การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (Set Clear Goals)
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้จะช่วยให้คุณมีทิศทางในการทำงาน รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยลดการใช้เวลาที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
เทคนิคที่ 2 การใช้ระบบจัดลำดับความสำคัญ (Prioritize Tasks)
ไม่ใช่งานทุกงานที่มีความสำคัญเท่ากัน การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยให้คุณโฟกัสกับงานที่มีผลกระทบมากที่สุดก่อน ซึ่งจะช่วยให้คุณบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถทำงานได้เสร็จตามกำหนดเวลา
เทคนิคที่ 3 การสร้าง To-Do List (Create a To-Do List)
การสร้าง To-Do List จะช่วยให้คุณสามารถจัดระเบียบงานที่ต้องทำในแต่ละวันหรือสัปดาห์ ทำให้คุณไม่พลาดงานสำคัญและสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคที่ 4 ใช้เทคนิค Pomodoro
เทคนิค Pomodoro เป็นวิธีการจัดการเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหรือการเรียนรู้ เทคนิคนี้ถูกคิดค้นโดย Francesco Cirillo ในช่วงปลายปี 1980 โดยใช้เครื่องจับเวลาในการแบ่งเวลาการทำงานออกเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงมีระยะเวลา 25 นาที เรียกว่า "Pomodoro" (มาจากคำว่า "มะเขือเทศ" ในภาษาอิตาเลียน เพราะ Cirillo ใช้นาฬิกาจับเวลารูปมะเขือเทศในการทดสอบเทคนิคนี้ครั้งแรก)
เทคนิคที่ 5: หลีกเลี่ยงการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่จริงๆ แล้ว การทำงานหลายอย่างพร้อมกันสามารถลดประสิทธิภาพและเพิ่มความเครียดได้ เนื่องจากสมองของเรามีความสามารถในการโฟกัสที่งานได้ทีละหนึ่งงานเท่านั้น การพยายามทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันจะทำให้สมองต้องสลับโฟกัสบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้เสียเวลาและพลังงานไปโดยไม่จำเป็น
เทคนิคที่ 6: ตั้งเวลาสำหรับงานแต่ละประเภท (Set Time Limits for Each Task)
การตั้งเวลาสำหรับงานแต่ละประเภทเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตและการจัดการเวลาของคุณ เทคนิคนี้ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการทำงานได้อย่างมีระบบ ลดการผัดวันประกันพรุ่ง และทำให้คุณมีแรงจูงใจในการทำงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด
เทคนิคที่ 7 ใช้เครื่องมือช่วยจัดการเวลา (Use Time Management Tools)
การใช้เครื่องมือช่วยจัดการเวลาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตและจัดระเบียบการทำงานของคุณ เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณวางแผน ติดตาม และประเมินการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดความซับซ้อนและเพิ่มความชัดเจนในแต่ละขั้นตอน
เทคนิคที่ 8: วางแผนงานล่วงหน้า (Plan Ahead)
การวางแผนงานล่วงหน้าเป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการเวลา การวางแผนอย่างรอบคอบช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์งานที่ต้องทำ กำหนดเป้าหมาย และจัดการกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคที่ 9: จัดสรรเวลาสำหรับการพักผ่อน (Allocate Time for Breaks)
การจัดสรรเวลาสำหรับการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การพักผ่อนช่วยให้สมองและร่างกายของคุณได้ฟื้นฟูพลังงานและความสามารถในการโฟกัส การทำงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการพักสามารถนำไปสู่ความเหนื่อยล้าและลดประสิทธิภาพการทำงานได้
เทคนิคที่ 10: ประเมินและปรับปรุงการจัดการเวลา (Evaluate and Improve Time Management)
การประเมินและปรับปรุงการจัดการเวลาเป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณ การทบทวนและปรับปรุงวิธีการจัดการเวลาอย่างต่อเนื่องช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อทำให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การจัดการเวลาเป็นทักษะที่สำคัญที่ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียด การนำเทคนิคทั้ง 10 ข้อที่ได้จากวิดีโอไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราอย่างมาก อย่าลืมฝึกฝนและปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ ให้เหมาะสมกับตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด