ทำไมต้องเลือกโรงเรียนให้ลูก เพราะการเลือกโรงเรียนทำให้พ่อแม่มีโอกาสมากขึ้นที่จะบรรลุผลในสิ่งที่คาดหวังสำหรับลูก เหมือนกับเมื่อตอนที่เรารู้ตัวว่าจะมีลูกมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว เราก็ไปหาแพทย์ฝากครรภ์ หาตำรับตำรามาอ่านเพื่อดูแลบำรุงรักษาตัวเองและลูกในท้องให้แข็งแรง พอลูกคลอด เราก็หาเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อนที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดให้ลูก อ่านหนังสือดูคลิปการเลี้ยงเด็กเพื่อให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นั่นคือเราต้องการบรรลุผลในสิ่งที่คาดหวังสำหรับลูกในตอนนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้เราคาดหวังที่จะเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมที่สุดให้ลูก เพราะลูกเรากำลังจะเป็นนักเรียน ป. 1 แล้ว เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มาดูกันว่าสิ่งที่เราต้องทำด้วยสมองและหัวใจ เพื่อเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมให้ลูก และคุ้มค่าที่สุดสำหรับเรามีอะไรบ้าง
จะให้ลูกเรียนในโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนของรัฐดีนะ เราต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน ชัดเจน ตรงไปตรงมาถึงรายรับรายจ่ายของครอบครัวและการหารายได้พิเศษ เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว จัดสรรได้เพียงพอสำหรับค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของโรงเรียนเอกชนหรือไม่ และมีใช้จ่ายได้ตลอดไปหรือไม่จนจบการศึกษาระดับสูงสุดของโรงเรียน ส่วนในโรงเรียนของรัฐ รัฐช่วยค่าใช้จ่ายหลายรายการ เช่น ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าอาหารกลางวัน เป็นต้น และโรงเรียนเอกชนมีขนาดชั้นเรียนไม่ใหญ่นัก ครูประจำชั้นสามารถดูแลเด็กได้ทั่วถึง ส่วนโรงเรียนของรัฐมีขนาดชั้นเรียนใหญ่กว่า เด็กนักเรียนมีจำนวนมากกว่า ครูจึงต้องมีความพร้อมและมีกลยุทธ์ที่ดีเพื่อเอาเด็กเล็กจำนวนมากให้อยู่ หรือเราจะให้ลูกเรียนในโรงเรียนหญิงเฉพาะ หรือชายเฉพาะ หรือสหศึกษาดี
เราควรทำลิสต์รายชื่อโรงเรียนเพื่อประกอบการพิจารณา การค้นหาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนทำได้ไม่ยากจากสื่อโซเชียลหลายช่องทาง แต่ละโรงเรียนอาจมีวิธีการเรียนการสอนเหมือนกันหรือต่างกัน จุดเด่นของโรงเรียนในสาขาวิชาการและหลักสูตรเสริม โปรแกรมหลังเลิกเรียนที่โรงเรียนเปิดสอน เพื่อดูว่าโรงเรียนที่เราเลือกไว้ เลือกตามความดังหรือตามชื่อเสียงของโรงเรียนหรือเปล่า เราอาจพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กที่เคยเข้าเรียน ป. 1 ที่โรงเรียนนั้นมาแล้ว หรือผู้ปกครองของเด็กที่กำลังจะเข้าเรียนพร้อมกันกับลูกของเรา เพื่อหาข้อมูลให้หลากหลายมากขึ้น เราต้องเลือกโรงเรียนที่มีส่วนร่วมและรับฟังข้อกังวลของผู้ปกครองด้วย
เราต้องการให้ลูกเข้าโรงเรียนที่อยู่ในละแวกบ้านหรือใกล้ที่ทำงานหรือที่ใดก็ได้ ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนและเวลาการเดินทางส่งผลต่อลูกอย่างไร ควรเดินทางนานแค่ไหนที่ลูกน้อยจะไม่เหนื่อยล้าเกินไป ซึ่งอาจทำให้ลูกเบื่อหน่ายไม่อยากไปโรงเรียน ส่วนการเดินทางไปโรงเรียน เราจะให้ลูกไปกลับโดยรถโรงเรียนหรือเราจะไปรับส่งเอง หากใช้บริการรถโรงเรียน เราต้องจัดเตรียมตัวให้ลูกตั้งแต่เช้า เพราะลูกอาจเป็นคนแรกที่รถมารับแต่เช้า และเมื่อลูกกลับมาบ้าน มีใครรอรับลูกที่บ้านหรือดูแลลูกหรือเปล่า หรือหากเราไปทำงาน และเลิกงานช้ากว่าลูกเลิกเรียน โรงเรียนมีกิจกรรมหลังเลิกเรียนหรือไม่ระหว่างที่เด็กเล็กรอผู้ปกครองมารับ
พาลูกไปเยี่ยมชมทำความรู้จักกับโรงเรียนที่เรามุ่งเป้าจะให้ลูกเข้าเรียน ให้ลูกซึมซับบรรยากาศ เห็นนักเรียนที่เข้าเรียนอยู่ก่อนหน้า ดูห้องสมุด ห้องอาหาร สนามเด็กเล่น ห้องน้ำ ส่วนเทคโนโลยีในอาคาร ดูว่าลูกเราตื่นเต้น กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และสนุกหรือไม่ และเราเองก็หาโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนหรือคุณครูเรื่องชั้นเรียน หลักสูตรการเรียน ระเบียบวินัยของโรงเรียน บริการเสริมด้านการศึกษา กิจกรรมในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ฯลฯ ที่สอดคล้องกับสไตล์การเรียนรู้ของลูก เนื่องจากบางโรงเรียนมีการเรียนการสอนผ่านการเล่นเป็นพื้นฐานในชั้น ป. 1 และโรงเรียนมีการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเด็กให้ผู้ปกครองทราบได้อย่างไร มีการจัดตั้งไลน์กลุ่มหรือมีโทรศัพท์ของผู้ปกครองกับคุณครูประจำชั้น การดูแลความปลอดภัยให้เด็กเล็กก่อนและหลังเลิกเรียน
การเลือกโรงเรียนประถมที่เหมาะสม สามารถช่วยเตรียมลูกของเราให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในการเรียนรู้ระยะยาว และเรียนรู้ได้ดีขึ้นตามจังหวะของตนเอง โรงเรียนประถมเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ และควรต้องเป็นสถานที่แห่งความสนุกสนานและความสุขของลูกด้วย ลูกได้มีคุณครูคนใหม่ที่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส รักเด็ก และมีเพื่อนใหม่วัยประถม เกิดความรักในการเรียนรู้และรักโรงเรียน มีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับโรงเรียน รวมแล้วสามารถเป็นผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสำหรับลูกตามที่เราคาดหวังไว้
ณัณท์
ข้อมูลอ้างอิง
Choosing a School for Your Child https://www2.ed.gov/parents/schools/find/choose/choosing.pdf