เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) กำลังไล่หลังเราเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะว่ามันทำงานให้เราได้จริง ๆ แถมยังฉลาดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ข้อดีอีกอย่างที่ทำให้หลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น IBM, Microsoft และ Google พร้อมลงทุนกับเทคโนโลยี AI ก็คือ มันสามารถเพิ่ม Productivity ได้มหาศาลโดยที่จ่ายน้อยลง เพราะอย่าลืมว่าเอไอสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ มีความจำเป็นเลิศ ไม่เป็นออฟฟิศซินโดรม ไม่ต้องการวันหยุด ไม่ต้องมีโบนัส ซึ่งตรงข้ามกับพนักงานมนุษย์ที่มีข้อจำกัดเหล่านั้น
รู้แบบนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าต้องตกใจอะไรก่อนดี ? หมายความว่าเมื่อเทคโนโลยีนี้เสร็จสมบูรณ์ เราจะตกงานกันหมดหรือเปล่า ? จากข้อมูลล่าสุดของบริษัท ChatGPT ได้ทำการสำรวจรายชื่ออาชีพที่มีความเสี่ยงสูงไปจนถึงความเสี่ยงต่ำ ที่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี AI บนเว็บไซต์ Visual Capitalist ซึ่งถึงแม้ว่าในตอนนี้ ภาคธุรกิจในประเทศไทยจะยังไม่ได้เอาเอไอมาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ทำให้มองเห็นอนาคตได้บ้างว่าเมื่อเอไอเข้ามาจริง ๆ อาชีพไหนจะถูกกระทบมากที่สุด
อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คือ อาชีพที่ต้องใช้การจำ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเยอะ งานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ต้องตัดสินใจเร็ว และมี Pattern เดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง อาชีพเหล่านี้เอไอจะทำงานได้ดีกว่า
ส่วนอาชีพที่ต้องใช้ความชำนาญ ประสบการณ์ มีความเป็นมนุษย์ และต้องใช้ร่างกายทำงานร่วมด้วย เช่น ฝ่ายผลิต การเกษตร การบริการ การบริหารที่ต้องติดต่อลูกค้าก็จะมีโอกาสน้อยกว่าที่จะได้รับผลกระทบจากเอไอ ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงมาแล้วที่บริษัท IBM วางแผนหยุดจ้างงานประมาณ 7,800 ตำแหน่งโดยเฉพาะงานหลังบ้าน เช่น ทรัพยากรมนุษย์ (HR) ที่ไม่ต้องติดต่อลูกค้าอาจถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แน่นอนว่าการมาของเทคโนโลยีเอไอทำให้คนหลายอาชีพต้อง Reskill เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำงานกับเอไอได้ ใช้ระบบเอไอเป็น เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนางานที่ทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เพราะเอไอเปรียบเสมือนสมองกลอัจฉริยะที่ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายและเร็ว และนี่ก็คือ 3 สายงานที่เอไออาจยังทำแทนมนุษย์ได้ไม่ดี แต่ก็สามารถปรับเอาเอไอมาใช้ทำงานร่วมด้วยเพื่อให้งานออกมาดีมากขึ้นกว่าเดิมได้
อาชีพที่ต้องยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา หรืออาชีพที่ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าทุกมิติเพื่อที่จะสามารถคิดหาไอเดีย นวัตกรรม โปรดักส์ และการบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดที่สุด ซึ่งทักษะด้านนี้เป็นทักษะที่เอไอยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์นักเพราะมีเรื่องของอารมณ์ ประสบการณ์ของลูกค้าที่ค่อนข้างซับซ้อนมาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น อาชีพ UX/UI designer, Service Design, Design Thinking เป็นต้น
ความสามารถที่จะตั้งคำถาม ป้อนคำสั่ง ลงรายละเอียดเพื่อให้ AI ทำงานให้ แล้วนำคำตอบที่ได้มาเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจในภาคต่าง ๆ เพื่อช่วยประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นมาจากมนุษย์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในเวลาที่จำกัด (เพราะ AI ทำงานเร็วใช้เวลาไม่ถึงนาที) เช่น นักการตลาด, ศิลปิน, นักพัฒนาแอปหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, IOT, Business Analytics, Machine Learning/ AI เป็นต้น
เรามัวแต่จะพัฒนาเพื่อขายอย่างเดียวเลยก็ไม่ได้ หลาย ๆ ที่ต้องพัฒนาภายในองค์กรด้วย ซึ่งการที่จะพัฒนาภายในองค์กรให้ทุกคนมีแนวคิดไปในทางเดียวกัน มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลไม่หยุดนิ่งและทันโลกที่เปลี่ยนแปลง ทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องใช้ Soft Skills สูง ทักษะการสื่อสาร การสังเกตและเข้าใจภาษากายของคนที่สื่อสารด้วย เพื่อออกมาเป็น Agile หรือ Mindset ระบบความคิดขององค์กร ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริหาร หัวหน้างานที่ต้องมีทักษะนี้สูง โดยมีเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ AI มาช่วยอีกแรง