ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสถาบันพระบรมราชนก เปิดเผยมุมมองระบบการศึกษาของไทยและต่างประเทศ ผ่านการบรรยายหัวข้อ “การศึกษาคุณภาพสูงระดับโลก” ในงานประชุมวิชาการระดับชาติ เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 สมศ. “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” ประจำปี พ.ศ. 2566 ว่า รูปแบบของโรงเรียนในปัจจุบันอาจจะไม่ใช่รูปแบบของโรงเรียนในอนาคต ดังนั้นการยกระดับระบบการศึกษาในโรงเรียนให้มีความทันสมัยจึงเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาตลอดเวลา และบางครั้งต้องปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดรับกับยุคสมัยและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง
สำหรับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ในการประเมินสถานศึกษาที่รับการประเมินคุณภาพภายนอกทั่วประเทศ ควรให้ความสำคัญกับรูปแบบการเมิน โดยระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาที่ดีนั้นต้องเป็นระบบที่บูรณาการทุกภาคส่วน ทุกฝ่ายมีบทบาทร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานภาครัฐ ทีมผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้ประกอบการ ซึ่งแนวทางการดำเนินการควรเน้นการประเมินเพื่อการเรียนรู้มากกว่าการประเมินเพื่อกำกับ นั่นหมายความว่าการประเมินต้องเป็นการรับข้อเสนอแนะและนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาพัฒนาต่อ เพื่อยกระดับมาตรฐานและลดช่องว่างด้านคุณภาพการศึกษา
หากจะวิเคราะห์ระบบการศึกษาในต่างประเทศ อ้างอิงจากหนังสือ การศึกษาคุณภาพสูงระดับโลกที่ยกตัวอย่างระบบการศึกษาของ 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ แคนาดา ฟินแลนด์ เซี่ยงไฮ้ (จีน) และออสเตรเลีย ซึ่งมีวิธีดำเนินการแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ แต่ทั้ง 5 ประเทศมีรูปแบบการศึกษาภายใต้เป้าหมายเดียวกันนั่นคือ
1.การสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา
2.พัฒนาทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในอนาคต
สำหรับประเทศสิงคโปร์ เน้นระบบการศึกษาคุณภาพสูง โดยระบบการศึกษาของสิงคโปร์ถูกออกแบบใหม่อยู่เสมอเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในยุคที่ 3 เน้นความรู้ทั่วโลก เน้นนวัตกรรม เน้นการสร้างสรรค์และการวิจัย
ประเทศแคนาดา ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบท ดังนั้นสิ่งที่แคนาดาพยายามทำคือ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาคุณภาพสูง ความโดดเด่นของแคนาดาคือ ครูเป็นผู้กำหนดคุณภาพการศึกษาและแผนพัฒนาด้วยตนเองเพื่อทำหน้าที่พัฒนาคุณภาพการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรเอง เรียกได้ว่าเป็นการมอบอำนาจให้แก่ครูและโรงเรียนในการดำเนินการ
ประเทศฟินแลนด์ พัฒนาจากประเทศเกษตรกรรมที่การศึกษาค่อนข้างล้าหลัง ใช้เวลา 30 ปี พลิกสู่ประเทศที่มีการศึกษาคุณภาพสูงระดับชั้นนำของโลก มีแนวทางในการออกแบบการศึกษาเพื่อเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ โดยภาครัฐได้กำหนดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ให้แก่เด็กทุกคน ไม่จำกัดฐานะ อาชีพ และที่อยู่อาศัย โรงเรียนสำหรับการศึกษานี้เรียกว่า Common School ศูนย์กลางของการพัฒนาระบบการศึกษาคือโรงเรียน และครูคือหัวใจของคุณภาพการศึกษาภายใต้หลักสูตรที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น
สาธารณรัฐประชาชนจีน จีนพลิกฟื้นระบบการศึกษาที่ถูกทำลาย สู่การเป็นประเทศที่มีคุณภาพทางการศึกษาอันดับหนึ่งของโลกภายในระยะเวลา 20 ปี โดยการมุ่งปฏิรูปเพื่อสร้างพลเมืองยุคใหม่ ซึ่งหัวใจสำคัญไม่ใช่หลักการหรือความรู้แต่เป็นการประยุกต์หลักการหรือความรู้โดยเป้าหมายคือการเรียนรู้ของนักเรียน จัดตั้งโรงเรียนนำร่อง โดยมีการกระจายครูที่สอนเก่งไปทั่วมลฑล มีการทำงานเป็นทีมร่วมกันสังเกตพฤติกรรมเด็ก ปฏิกิริยาที่มีต่อการสอน และนำผลมาปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึ้น
ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีเด็กที่อยู่ห่างไกลจึงมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ใช้ระบบเทเลคอนเฟอร์เรนจากที่ห่างไกลเข้ามาเรียนเป็นรูปแบบของลักษณะการเรียนทางไกล และสิ่งที่เป็นความท้าทาย คือโรงเรียนมีความแตกต่างและมีความหลากหลาย ดังนั้นนโยบายภาครัฐจึงมุ่งให้ความช่วยเหลือโรงเรียนที่อ่อนแอเป็นพิเศษและเปลี่ยนหลักสูตรการผลิตครูและพัฒนาครูประจำการให้ตอบสนองกับหลักสูตรใหม่
“หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาคุณภาพสูง เน้นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตทั้งในและนอกห้องเรียนเพื่อพัฒนาเยาวชนไปสู่การเป็นพลเมืองของโลก วงการการศึกษาควรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและพลิกผันของโลกและสังคม เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันและสามารถจัดการกับระบบการศึกษาในอนาคตได้” ศ.นพ.วิจารณ์ กล่าว
สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th
พิมพ์ลดา วรชาติทวีชัย โทร. 093 326 5359 Email: pimlada@incom.co.th