ทักษะการจัดการเวลา การจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ใช้เวลาได้เกิดประโยชนสูงสุด นอกจากการตรงต่อเวลาแล้วยังรวมถึงการจัดการระบบการเรียนอย่างอิสระเพื่อที่จะได้ครอบคลุมพื้นฐานทั้งหมด
ทักษะการจัดการอย่างเป็นระบบ การเรียนอย่างมีประสิทธิภาพคือการเรียนอย่างเป็นระบบ โดยอาจจะแบ่งหัวข้อสำคัญๆ ไว้ในแต่ละวัน และอ่านไปทีละหัวข้อ
ทักษะการจดบันทึก ทำให้มีข้อมูลสำหรับใช้อ้างอิง ยิ่งถ้าเขียนด้วยมือจะยิ่งทำให้จดจำข้อมูลได้ดี
ทักษะการเขียนเรียงความ ทำให้รู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร และช่องว่างความรู้ของเราอยู่ตรงไหน
1. มีความสม่ำเสมอ การทบทวนฝึกฝนทีละน้อยทุกวันมีประสิทธิภาพมากกว่าการโหมเรียนอย่างบ้าคลั่งในครั้งเดียว สมองของเราต้องการเวลาในการสับเปลี่ยนข้อมูลทั้งหมดไปยังหน่วยความจำระยะยาว ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นขณะที่เรานอนหลับ
2. นอนหลับอย่างเพียงพอ หากนอนไม่พอหรืออดนอนจะทำให้ไม่มีสมาธิ มีปัญหาในการรับข้อมูลและความคิดใหม่ๆ ดังนั้นควรนอนหลับให้เพียงพอและนอนหลับอย่างมีคุณภาพตามสุขอนามัยการนอน
3. พัฒนาความจำ มีหลายวิธีช่วยเพิ่มความจำ เคล็ดลับง่ายๆ เช่น ฝึกสมาธิ หลีกเลี่ยงการเรียนที่อัดแน่นเกินไป จัดโครงสร้างเวลาเรียน รวมถึงวิธีต่างๆ ต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนได้เช่นกัน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้สมองแข็งแรงและความจำดีขึ้น
- กำจัดสิ่งรบกวนเพื่อให้มีสมาธิกับสิ่งที่กำลังเรียนรู้
- จัดระเบียบข้อมูลที่กำลังเรียนจะช่วยให้ง่ายต่อการจำ
- ทบทวนด้วยการพูดอธิบายสิ่งที่ได้เรียนมาให้ตัวเองฟัง
- ใช้สื่อการเรียน เช่น รูปภาพ กราฟฟิก กราฟ
- อ่านเนื้อหาที่กำลังเรียนออกมาดังๆ
4. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ สมองจะสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่เซลล์สมองจำนวนมากเหล่านี้จะตายไปในที่สุดหากไม่ได้ใช้ในการเรียนรู้และพยายามฝึกฝนอะไรเลย
5. เรียนรู้จากหลายวิธี ใช้ทุกทักษะทั้งฟังพูดอ่านเขียนในการเรียน แทนที่จะเรียนจากการฟังเพียงอย่างเดียว ให้ทบทวนสิ่งที่ได้ฟังมาด้วยการพูด การอ่าน หรือการดูเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้นั้น รวมถึงการอธิบายสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้เพื่อนๆ ฟัง จดโน้ต ทำ mind map ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น
6. สอนสิ่งที่เรียนมากับผู้อื่น โดยแปลข้อมูลความรู้ที่ได้เรียนมาให้เป็นคำพูดของเราเอง วิธีการนี้เป็นการทบทวนความรู้ของเราไปในตัว และยังเสริมสร้างความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเราเองด้วย
7. ใช้ความรู้เดิมให้เป็นประโยชน์ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับสิ่งที่รู้อยู่แล้ว เช่น หากกำลังเรียนภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่สาม อาจจะเชื่อมโยงคำศัพท์และไวยากรณ์ของภาษาเกาหลีกับภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่เรามีความรู้มาแต่เดิมอยู่แล้ว
8. เรียนรู้จากประสบการณ์จริง การเรียนไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน หนังสือ หรือห้องสมุด แต่การนำทักษะความรู้ใหม่ๆ ไปปฏิบัติจริงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาการเรียนรู้ เช่น ถ้ากำลังเรียนภาษาให้ฝึกพูดกับผู้อื่น ดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงภาษานั้น เป็นการฝึกฝน หรือหากเป็นทักษะเรื่องกีฬาก็ให้เล่นกีฬานั้นเป็นประจำ
9. อย่ากลัวที่จะผิดพลาด เพราะความผิดพลาดทำให้เราได้เรียนรู้ เมื่อทำผิดพลาดขณะที่เรียนรู้สิ่งใหม่ให้แก้ไขและพิจารณาว่าผิดพลาดอย่างไร วิธีนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking skill) เป็นทักษะการคิดและตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุผล หลักฐาน หรือข้อสนับสนุน โดยไม่ใช้อารมณ์ อคติ ความเชื่อเดิมๆ
10. ทำแบบทดสอบ จะช่วยให้จำสิ่งที่เรียนมาได้ดีขึ้น เพราะขณะทำแบบทดสอบเราจะดึงความรู้ที่ได้เรียนมาจากหน่วยความจำออกมาใช้ และเป็นการย้ำให้จำข้อมูลนั้นได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น