เมื่อระบบการจัดเก็บเอกสารเป็นระเบียบแล้ว ขั้นต่อไปคือการบันทึกกิจกรรมที่เราทำทุกอย่างโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ แต่งตัว เดินทาง เข้าประชุม ทำความสะอาดบ้าน รับประทานอาหาร รวมถึงการดูโทรทัศน์ หรือการออกกำลังกาย นอกจากการบันทึกกิจกรรมที่เราทำทุกอย่างโดยละเอียดแล้ว ในการทำงานเราก็ต้องบันทึกกิจกรรมโดยละเอียดเช่นกัน และเมื่อเรานำสิ่งที่บันทึกไว้กลับมาดูก็จะพบว่า เราใช้เวลาไปกับอะไรมากที่สุด น้อยที่สุด และต้องปรับเปลี่ยนเวลาอย่างไร
1. สามารถทำงานได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น
2. ความเครียดน้อยลง
3. มีชื่อเสียงในระดับมืออาชีพ
4. เพิ่มโอกาสในการก้าวหน้า
5. มีโอกาสมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายในอาชีพ
1. กำหนดลำดับความสำคัญ
ในกิจกรรมประจำวัน อาจมีงานบางอย่างที่สำคัญมากกว่างานอื่น ๆ เช่น งานหนึ่งอาจมีกำหนดเวลาส่งใกล้กว่างานอื่น ๆ หรือต้องทำงาน A ให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะทำงาน B วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการจัดลำดับความสำคัญของงานคือ การใช้ Eisenhower Matrix ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพ
เร่งด่วน | ไม่เร่งด่วน | |
สำคัญ | ทำทันที | วางแผนการทำงาน |
ไม่สำคัญ | มอบหมายให้คนอื่นทำ | ลดการทำงานลง |
งานในกล่องจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ
งานเร่งด่วนและสำคัญ ต้องทำทันที
งานไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ ให้วางแผนก่อนทำ
งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ ให้มอบหมายให้คนอื่นทำ
งานไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ ให้ลดการทำงานลง
ด้วยการแบ่งงานเช่นนี้จะทำให้เราสามารถกำหนดลำดับความสำคัญได้และทราบได้ทันทีว่าเราควรทำงานใดก่อนหลัง
2. หลีกเลี่ยงการทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
เมื่อเราพยายามจะบริหารจัดการเวลา โดยเร่งทำงานทุกอย่างไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้งานเสร็จทันเวลาพร้อม ๆ กัน นอกจากจะทำให้เราไม่สามารถโฟกัสไปที่งานที่สำคัญจริง ๆ ได้แล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อความจำในการทำงานด้วย ดังนั้น หาให้พบว่างานใดที่สำคัญและเร่งรีบจริง ๆ แล้วค่อย ๆ ทำงานให้เสร็จสิ้นเป็นงาน ๆ ไป
3. หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
ชีวิตประจำวันของเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งรบกวน สิ่งนี้จะขัดขวางการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการเวลาของเราได้ ดังนั้น เราจึงต้องหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน เช่น การปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์ หรือการขอให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานไม่รบกวนเราในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานในเวลางาน
4. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ
คนเรามีขีดจำกัด ปริมาณงานที่ทำได้ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ลองกำหนดขีดจำกัดของงานที่เรายินดีจะรับมาทำ พิจารณาว่าปริมาณงานที่เหมาะกับตนเองเป็นอย่างไร จะช่วยให้เราจัดการเวลาและมีสมาธิกับงานที่สำคัญที่สุดได้ หากงานมีปริมาณมากเกินกว่าที่เรากำหนดไว้ ให้มั่นใจที่จะปฏิเสธงานบางอย่างไป เพื่อให้มีเวลาทำงานที่มีคุณภาพ
5. ใช้แอปพลิเคชันบริหารจัดการเวลา
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้น อย่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือ จะช่วยเราจัดการเวลาและสามารถจัดระเบียบให้เราได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างแอปพลิเคชันสำหรับการบริหารจัดการเวลาได้แก่ Rescuetime จะช่วยติดตามประสิทธิภาพการทำงานของเราได้ หรือ Toggl Track ก็ช่วยให้เราเห็นว่าเราใช้เวลาจริง ๆ ไปเท่าไรกับงานใด
6. จัดตารางการทำงาน
ใช้ปฏิทินหรือแพลนเนอร์เป็นตัวช่วยจัดการเวลาในระยะยาว เขียนกำหนดเวลาสำหรับโครงการหรืองานที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้โครงการโดยรวมเสร็จสมบูรณ์ รวมทั้งเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันโดยจัดลำดับความสำคัญของงานด้วย การทำเช่นนี้จะทำให้เราเห็นว่าแต่ละวันเรามีเวลาเท่าไร และมีงานสำคัญอะไรที่ต้องทำบ้าง
7. หยุดพักบ้าง
แม้ว่าจะรู้สึกอยากทำงานให้เสร็จก่อนจะหยุดพัก แต่วิธีนี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้ เปิดโอกาสให้สมองได้พักสัก 2-3 นาที ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อทำให้สมองสดชื่นขึ้น จะสามารถช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
ทันตแพทย์
ทันตแพทย์หรือหมอฟันเป็นผู้เชียวชาญด้านการป้องกัน วินิจฉัย และรักษาปัญหาสุขภาพในช่องปาก หมอฟันเป็นบุคคลที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า ฟัน เหงือก และช่องปากของคนไข้มีสุขภาพที่ดี หมอฟันอาจทำหัตถการต่าง ๆ เช่น อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ซึ่งในการทำงานแต่ละครั้ง หมอฟันจะมีเวลาที่จำกัดในการทำงาน พวกเขาต้องบริหารจัดการเวลาอย่างดี เพื่อให้รักษาคนไข้ได้เสร็จสิ้นในเวลาที่รวดเร็ว
นักวางแผนงานแต่งงาน
งานแต่งงานเป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดของชีวิตคู่ แต่ด้วยรายละเอียดการจัดงานที่มากมาย ก็อาจทำให้เกิดความเครียดแก่บ่าวสาวที่สุดได้เช่นกัน นักวางแผนงานแต่งงานจึงมีความจำเป็นต่อการจัดงานแต่งงานของคู่สมรส นักวางแผนงานแต่งงานได้รับความไว้วางใจจากบ่าวสาวในการวางแผนงานแต่งงาน และด้วยระยะเวลาที่จำกัดกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมาย ทำให้นักวางแผนงานแต่งงานจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการเวลาที่ดี เพื่อทำให้งานสำคัญแต่ละงานเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์