แน่นอนว่าการเดินทางเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงนี้หลายคนอาจจะเป็นกังวลว่าจะผ่านตม.มั้ย ? เพราะได้ยินข่าวเกี่ยวกับตม.เกาหลีว่าเข้มงวดมากขึ้น จนหลายคนไม่กล้าเดินทางไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองเลย เพราะกลัวว่าจะเข้าประเทศเกาหลีไม่ได้ ทั้งนี้ที่ทางเกาหลีมีมาตรการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มข้น ก็เพื่อป้องกันคนลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศเกาหลีอย่างผิดกฎหมายเท่านั้นเอง
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมานั่งกังวลว่าจะติดตม.มั้ย จะผ่านไปได้หรือเปล่า เพราะตม.เกาหลีไม่ได้ผ่านยากอย่างที่คุณคิด โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ตั้งใจจะไปเที่ยวจริง ๆ และมีการเตรียมตัว เตรียมเอกสารมาเป็นอย่างดี แค่มีเอกสารไว้ในมือ พกความมั่นใจ และมีความตั้งใจจะไปเที่ยว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเลย
การเดินทางไปเที่ยวเกาหลี นอกจากจะเช็คค่าตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี สถานที่พัก และแพลนเที่ยวต่าง ๆ แล้ว ที่สำคัญคุณต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามที่ทางเกาหลีกำหนดมาด้วย เพื่อให้ผ่านตม.เกาหลีได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีเอกสารอะไรที่ต้องลงทะเบียนหรือเตรียมไว้ก่อนวันเดินทางบ้าง ตามไปดูกันเลย
การลงทะเบียน K-ETA จะใช้เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อใช้ยืนยัน ว่าคุณมีความพร้อมในการเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเมื่อยื่นแล้วจะต้องรอผลให้อนุมัติด้วย จึงควรรีบยื่นก่อนวันที่จะออกเดินทางหรือลงทะเบียนก่อนการเดินทางอย่างน้อย 24 ชั่วโมง โดยทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือจะสมัครผ่านแอปพลิเคชัน K-ETA ก็ได้เช่นกัน
วิธีสมัคร K-ETA
1. เข้าเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือ สมัครผ่านแอพพลิเคชัน K-ETA
2. เลือก Apply for K-ETA
3. ต่อมาในช่อง Select Continent ให้เลือก Asia Pacific ส่วนช่อง Select Your Nationality ให้เลือก Thailand
4. กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขพาสปอร์ต อีเมล แนบรูปถ่าย ข้อมูลอาชีพ วัตถุประสงค์ในการเดินทาง และที่พักในเกาหลี
5. ชำระค่าธรรมเนียมประมาณ 300 บาท
6.รอรับผลการอนุมัติทางอีเมล์ หากคุณได้รับอนุญาต K-ETA ก็สามารถขึ้นเที่ยวบินไปเกาหลีใต้ได้เลย และ ผล K-ETA จะมีอายุการใช้เพียงแค่ 2 ปี ระยะการพำนักในเกาหลีใต้ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ซึ่งคุณสามารถเข้าเกาหลีใต้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
*กรณีที่ยื่นข้อมูลผ่าน K-ETA แล้วไม่ได้รับการอนุมัติ ต้องยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศตามปกติ
ตั๋วเครื่องบินไป - กลับ เป็นสิ่งที่จะช่วยการันตีได้ว่าคุณนั้นจะมาท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี เพราะในใบจองตั๋วเครื่องบินจะระบุข้อมูลวันเดินทางไป - กลับอย่างชัดเจน เป็นการบอกว่าคร่าว ๆ ว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยวนะ มาเที่ยวแป๊บเดียวเดี๋ยวก็บินกลับประเทศตัวเองแน่นอน
เปรียบเสมือนบัตรประชาชนระหว่างที่เราอยู่ต่างประเทศ และต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือมากกว่า 6 เดือน ถึงจะเดินทางได้ ส่วนใครที่มีพาสปอร์ตเล่มเก่าที่เคยใช้เข้าเกาหลีมาก่อนก็พกไปด้วยก็ดี หากใครกังวลว่าพาสปอร์ตเล่มใหม่ยังเป็นหน้าขาวที่ไม่ถูกใช้งาน คุณก็จะได้โชว์พาสปอร์ตเล่มเก่าให้เจ้าหน้าเห็น ว่าคุณก็เคยเดินทางมาเที่ยวแล้วนะ
การลงทะเบียน Q-CODE เป็นการลงทะเบียนให้ข้อมูลว่าเราเคยได้รับวัคซีนโควิด-19 อะไรมาบ้าง โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ http://cov19ent.kdca.go.kr ภายใน 3 วันก่อนวันเดินทาง ซึ่งสามารถลงทะเบียนได้เองง่าย ๆ เพียงแค่คุณอ่านเงื่อนไขข้อตกลง และกรอกข้อมูลด้านสุขภาพ การฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย หลังจากได้ Q-CODE ยืนยันมาแล้ว คุณควรเซฟเก็บไว้หรือปริ้นออกมา เพื่อใช้แสดงกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าประเทศเกาหลี
เอกสาร Arrival Card เป็นเอกสารสำคัญที่เราจะต้องระบุข้อมูลของเรา เช่น ชื่อ-นามสกุล ไฟล์ทบิน ข้อมูลที่พักในทริปนี้ จำนวนวันที่มา อาชีพ รวมถึงจุดประสงค์ในการเข้าเกาหลี ซึ่งต้องกรอกให้เรียบร้อย และกรอกให้ตรงกับข้อมูลตอนลงทะเบียน K-ETA เพื่อที่จะได้พร้อมยื่นคู่กับพาสปอร์ตทันที สามารถรับใบ Arrival Card ได้จากแอร์โฮสเตสตอนอยู่บนเครื่องบิน หรือรับที่สนามบินปลายทางเมื่อเดินทางถึง
เอกสารจองโรงแรมที่พัก เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นดีที่จะทำให้เราสามารถผ่านจุดตม. ได้อย่างง่ายดาย หากมีใบจองโรงแรมหรือที่พัก ระบุบข้อมูลการเข้าพักและวันออกไว้อย่างชัดเจน ก็จะถือเป็นการการันตีว่าเรามาท่องเที่ยวและพักอยู่ที่นี่จริง
เอกสารรับรองการทำงาน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะยืนยันการมาเที่ยวของเรา ว่าเราเป็นแค่นักท่องเที่ยวนะ มาเที่ยวแล้วก็จะกลับไปทำงานต่อ ทั้งนี้ควรใช้เอกสารเป็นภาษาอังกฤษเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
เอกสารแพลนการท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เราจะเดินทางไปท่องเที่ยว จริง ๆ แล้วจะเตรียมไปหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ว่าวันนั้นเราอย่างไปเที่ยวที่ไหน แต่ถ้าเตรียมไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้วางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า ในวันนั้นเราเองก็จะไม่เสียเวลาเที่ยว ได้เที่ยวเต็มวันแบบอิ่ม ๆ จุก ๆ ไปเลย