• หากลูกจ้างทำงานมายังไม่ถึง 120 วัน นายจ้างจะไม่จ่ายค่าชดเชยก็ได้
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 120 วัน - 1 ปี นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 30 วัน ในอัตราสุดท้าย
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 1 - 3 ปี นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 90 วัน ในอัตราสุดท้าย
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 3 - 6 ปี นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 180 วัน ในอัตราสุดท้าย
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 6 - 10 ปี นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 240 วัน ในอัตราสุดท้าย
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 10 - 20 ปี นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 300 วัน ในอัตราสุดท้าย
• หากลูกจ้างทำงานมาแล้ว 20 ปีขึ้นไป นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างการทำงาน 400 วัน ในอัตราสุดท้าย
• ค่าเสียหายนี้เกิดในกรณีหากนายจ้าง "ไล่ออก" ทันทีโดยไม่บอกล่วงหน้า 30 - 60 วัน เพราะถือว่านายจ้างทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน นอกจากจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกรณีเลิกจ้างทั่วไป ตามข้อ 1 แล้ว (มาตรา 118) ยังต้องจ่ายค่าเสียหายจากการไม่บอกกล่าวล่วงหน้าด้วย ตามมาตรา 17/1 เป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างในอัตราที่ลูกจ้างได้รับอยู่อัตราสุดท้าย คิดเต็มจำนวนเสมือนหนึ่งว่านายจ้างได้บอกกล่าวล่วงหน้าให้เตรียมตัวก่อนออกจากงาน แต่ค่าเสียหายจำนวนนี้จะคิดอย่างมากที่สุด ไม่เกินค่าจ้างสามเดือน
1. ลูกจ้างสมัครใจขอลาออกเอง
2. ลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจกระทำความผิดอาญาต่อนายจ้าง
3. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
4. ลูกจ้างประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
5. ลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับในการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย และนายจ้างได้เตือนลูกจ้างเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน (หนังสือเตือนมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ลูกจ้างกระทำความผิด)
6. ลูกจ้างได้ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม
7. ลูกจ้างได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่เป็นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
8. การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอนและเลิกจ้างตากำหนดเวลานั้น ๆ
นอกจากเงินชดเชยที่จะได้รับจากนายจ้างแล้ว ก็จะยังมีเงินชดเชยจากประกันสังคมในกรณีว่างงานหรือตกงานอีกด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม ในอัตรา 50% ของรายได้ต่อเดือน โดยระยะเวลาการจ่ายทั้งสิ้น 180 วัน (6 เดือน) ภายใน 1 ปี ซึ่งฐานขั้นต่ำของเงินสบทบที่จะได้รับอยู่ที่ 1,650 บาท และฐานสูงสุดของเงินสบทบที่จะได้รับอยู่ที่ 15,000 บาท ตัวอย่างเช่น นาย A เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยเดือนละ 7,500 บาท
- กรณีลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน จะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม 30% ของรายได้ต่อเดือน โดยระยะเวลาการจ่ายทั้งสิ้น 90 วัน (3 เดือน) ซึ่งฐานขั้นต่ำของเงินสบทบที่จะได้รับอยู่ที่ 1,650 บาท และฐานสูงสุดของเงินสบทบที่จะได้รับอยู่ที่ 15,000 บาท เช่นเดียวกับกรณีถูกเลิกจ้าง ส่วนเงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิเงินชดเชยกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมาตรา 33 จะต้องอยู่ภายในเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้
1. ผู้ประกันตนจะต้องมีการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนการว่างงาน
2. ผู้ประกันตนจำเป็นต้องไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงาน กับทางสำนักงานจัดหางานของจังหวัด ภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้างหรือสิ้นสุดสัญญา หรือขึ้นทะเบียนผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th
3. หลังจากได้รับสิทธิแล้ว ผู้ประกันตนยังต้องเข้าไปรายงานตนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ผ่านทางเว็บไซต์ https://empui.doe.go.th
4. ที่สำคัญการว่างงานในครั้งนี้ของผู้ประกันตนต้องไม่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ทุจริตในหน้าที่หรือต่อนายจ้าง ละทิ้งหน้าที่เกิน 7 วันทำงาน ประมาณในการทำงาน จงใจทำให้นายจ้างเสียหาย ต้องโทษจำคุก ฯลฯ หากการว่างงานหรือถูกเลิกจ้างเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ ผู้ประกันตนจะไม่ได้รับสิทธิเงินชดเชย
5. ผู้ประกันตนจะต้องเป็นผู้ที่พร้อมสำหรับการทำงาน และต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
6. สำหรับสิทธิเงินชดเชยที่จะได้รับ ในกรณีถูกเลิกจ้างมากกว่า 1 ครั้งต่อปี สามารถยื่นรับสิทธิเงินชดเชยได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 180 วัน และในกรณีลาออกจากงานหรือหมดสัญญาจ้างมากกว่า 1 ครั้งต่อปี สามารถยื่นรับสิทธิเงินชดเชยได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 90 วัน
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นรับสิทธิเงินชดเชยกรณีว่างงาน
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7)
2. หนังสือรับรองการออกจากงานหรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงานของผู้ประกันตนออกจากงานของผู้ประกันตน (สปส. 6 -09) กรณีที่ไม่มีสำเนา สปส.6-09 ก็สามารถไปขึ้นทะเบียนกรณีว่างงานได้
3. หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)
4. หนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากเหตุสุดวิสัยกรณีเป็นผู้ประกันตนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
5. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ sso.go.th หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 1506 (สายด่วนประกันสังคม กระทรวงแรงงาน)
แหล่งข้อมูล
- พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 มาตรา 118 และมาตรา 17/1
- สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน