หรือโรคซึมเศร้านอกแบบ จะมีอาการแตกต่างจากโรคซึมเศร้าแบบปกติ (Major Depressive Disorder) โดยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติมักจะมีอาการดังนี้
- รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
- ตื่นช้ากว่าปกติ รู้สึกไม่อยากตื่น
- กินอาหารมากกว่าปกติ
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- มักรู้สึกผิดโทษตัวเอง
- อารมณ์มักแย่ตั้งแต่เช้า
- รู้สึกสิ้นหวัง
- ไม่อยากเคลื่อนไหวหรือขยับร่างกาย
- นอนแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้
- มักตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกนอนหลับไม่เต็มที่ อาจรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น และมักตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด
- มีอาการซึม หดหู่ ไม่อยากไปทำงาน หรือไม่อยากไปเรียน
- ไม่อยากกินอาหาร ทำให้น้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ
- จะรู้สึกไม่สดใสตลอดทั้งวัน และคิดโทษตัวเองอยู่บ่อย ๆ
- ช่วงเย็นถึงกลางคืนความรู้สึกเศร้าจะเริ่มดีขึ้น และมักจะมีปัญหานอนไม่หลับ
- ในตอนเช้าหลังตื่นนอนจะลุกจากเตียงไม่ได้หรือยากลำบาก เพราะจะรู้สึกง่วงนอนมาก ๆ
- อยากใช้ชีวิตอยู่แต่บนเตียงทั้งวัน
- รู้สึกแขนขาหนักจนขยับตัวได้ลำบาก
- อารมณ์จะแปรปรวน หงุดหงิดง่าย อ่อนไหวง่าย
- ชอบโยนความผิดให้คนอื่น
- มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้
- มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นมาก ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
- อยากกินของหวาน ๆ อยู่ตลอดเวลา
- ช่วงเย็นถึงกลางคืนจะรู้สึกเศร้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติ มักจะมีอาการป่วยทางจิตเวชชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งอาการป่วยแต่ละอย่างมักจะสัมพันธ์กัน โดยมักจะมีอาการตื่นตระหนก หรือเป็นโรคกลัว (Phobia) ร่วมด้วย คือจะมีความรู้สึกวิตกจริต เช่น โรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง, โรคกลัวสังคม หรือโรคกลัวที่โล่งแจ้ง เป็นต้น
Good to know
โรคซึมเศร้าแบบปกติ จะมีอาการรู้สึกเศร้าเกือบทั้งวัน หรือรู้สึกไม่มีความสุข ไม่มีความสนุกในชีวิตนานติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ รู้สึกนอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ มีความรู้สึกอยากตายขึ้นมาบ่อย ๆ และมักจะมีอาการเบื่ออาหารอย่างมาก จนน้ำหนักลดลงอย่างน้อย 5% ของน้ำหนักตัวใน 1 เดือน
สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ทำงานผิดปกติ
ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแบบปกติจะมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เป็นสารสื่อประสาทน้อยกว่าคนปกติ แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติ กลับมีสารเซโรโทนินสูงกว่าคนปกติ จึงส่งผลให้มีอาการตื่นตระหนกได้ง่าย
การทำงานของสมองที่ผิดปกติ
- ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) เป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์และจิตใจ สมองส่วนนี้ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะมีการทำงานที่บกพร่องหรือผิดปกติ
- อะมิกดาลา (Amygdala) เป็นสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ต่าง ๆ รวมถึงความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ต่าง ๆ ด้วย ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า สมองส่วนนี้จะมีการทำงานมากขึ้น
- ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) สมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบความจำและพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นสมองส่วนที่สำคัญ มีบทบาทอย่างมากในเรื่องความทรงจำ (ระยะยาว) และทำงานสัมพันธ์กับอะมิกดาลาในการเก็บความทรงจำที่มีอารมณ์ร่วมด้วย สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า สมองส่วนนี้จะมีขนาดเล็กลง ผู้ป่วยจึงมักจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ คล้ายสมองเสื่อมได้
- เปลือกสมองบริเวณกลีบหน้าผากส่วนหน้า (Perfrontal cortex) มีความสำคัญในการช่วยวางแผน ตัดสินใจ ยับยั้งชั่งใจ การแสดงออกของบุคลิกภาพ การแสดงออกทางสังคม ในผู้โรคป่วยซึมเศร้าสมองส่วนนี้จะทำงานลดลง
- ความเครียดที่เกิดในครอบครัว การใช้ความรุนแรงในครอบครัวก็อาจนำไปสู่การป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าแบบที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติมักจะมีปัญหาการไม่ได้รับความรักที่เพียงพอจากพ่อแม่ หรือตอนเด็ก ๆ โดนกระทำด้วยความรุนแรง
- ความเครียดในชีวิตประจำวัน ทั้งจากสภาพแวดล้อมของสังคม, สภาพแวดล้อมจากการทำงาน, หรือความเร่งรีบในการเดินทาง, ความต้องการได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างหรือสังคม, การได้รับข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่มากเกินไป จนเกิดเป็นความเครียดสะสมก็สามารถนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติได้
สำหรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบปกติ ก็จะมีวิธีการรักษาคล้าย ๆ กับโรคซึมเศร้าแบบปกติ คือควรจะเริ่มต้นด้วยการไปพูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจประเมินอาการต่าง ๆ และเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมนั่นเอง
แหล่งข้อมูล
Hisanobu Kaiya, M.D., Ph.D.. (2566). ฉันเป็น “โรคซึมเศร้า” ไหมนะ. แปลจาก ‘HITEIKEI UTSUBYO’ TTEDONNABYOKI?. แปลโดยวิลาศิณี คู่ปัถพี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ ไลฟ์พลัส