ทักษะการคิดวิเคราะห์ ถือเป็นทักษะการคิดที่มีความสำคัญและเป็นคุณลักษณะของผู้เรียนตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการทางปัญญาที่มนุษย์ใช้ในการตรวจสอบความรู้ ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิดความถูกต้องเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ เชื่อว่าคุณทุกคนต้องการให้ลูกคิดวิเคราะห์เป็น และคุณคงดีใจไม่น้อยถ้าเห็นลูกสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมได้ ว้าว!!!! นั่นแปลว่าลูกของคุณมีศักยภาพในการคิดสูงขึ้นแล้ว เพราะสามารถจัดการกับปัญหาในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่อย่างชาญฉลาด แต่หากลูกยังทำไม่ได้ล่ะ นั่นล่ะปัญหา ถ้าเช่นนั้นลองอ่านสิ่งเหล่านี้ เผื่อคุณจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาที่ลูกยังไม่สามารถคิดสร้างสรรค์แบบวิทยาศาสตร์ได้
วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องอาศัยความรู้เดิมกับการคิดวิเคราะห์ในการจัดระบบความรู้ โดยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสัมผัสและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงมากที่สุด เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์หาคำตอบด้วยตนเอง ดังนั้นจึงต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กได้ฝึกปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ลึกขึ้น นักเรียนได้ฝึกตั้งคำถามและหาวิธีตอบคำถามที่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจโลกรอบตัว ไม่ใช่สอนจากตำราวิชาการเพียงอย่างเดียว ดังนั้นคุณลองถามลูกของคุณดูว่าการเรียนการสอนในห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นแบบนี้ไหม ถ้าไม่ใช่ แปลว่า ที่ลูกคุณยังคิดสร้างสรรค์แบบวิทยาศาสตร์ไม่ได้ นั่นคงมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียน
ลองใช้เทคนิคการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) มีขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Elicit) 2) ขั้นเร้าความสนใจ (Engage) 3) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 4) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explain) 5) ขั้นขยายความคิด (Elaborate) 6) ขั้นตอนการประเมินผล (Evaluate) 7) ขั้นนำความรู้ไปใช้ (Extend) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ลูกเก่งคิดสร้างสรรค์แบบวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องใช้วงจรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) โดยจะเน้นเรื่องการตรวจสอบความรู้เดิมและนำความรู้ไปใช้ ข้อดีของการฝึกให้ลูกของคุณได้ตรวจสอบความรู้เดิมก็คือ จะเป็นวิธีการกระตุ้นให้เด็กเกิดความสงสัย ด้วยการตั้งคำถาม เป็นขั้นตอนที่เด็กเชื่อมโยงความรู้เดิมกับประสบการณ์ใหม่ โดยใช้กระบวนการค้นคว้าเพื่อหาคำตอบ การฝึกคิดวิเคราะห์ เพื่อนำมาเขียนอภิปรายผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำความรู้ที่ได้ไปเชื่อมโยงและแก้ปัญหาสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การอธิบายปรากฏการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์เป็นความสามารถและความเข้าใจพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีความรอบรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสมรรถนะที่ควรเกิดขึ้นในขั้นต้นของการเรียนรู้ เพื่อให้ลูกสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติโดยใช้บริบททางวิทยาศาสตร์จากองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 1) ข้อกล่าวอ้าง 2) หลักฐาน และ 3) การให้เหตุผล จะต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ วิเคราะห์และอธิบายข้อมูล ตลอดจนใช้หลักฐานที่ได้จากการรวบรวมความรู้และการสังเกตหรือทดลองนำมาสร้างคำอธิบายปรากฏการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์ แต่จากการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ทำให้เด็กยังขาดทักษะการอธิบายเพื่อแสดงความสัมพันธ์อย่างสมเหตุสมผลในเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ โดยเด็กสามารถบอกข้อเท็จจริงจากการสังเกตได้ก็จริง แต่ยังไม่สามารถนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้สร้างคำอธิบายเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำตอบและเหตุผล รวมถึงการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในการสร้างคำอธิบาย ซึ่งเด็กในช่วงอายุ 7-11 ปี สามารถรับรู้และใช้เหตุผลในการสร้างกฎเกณฑ์ มองเห็นความสัมพันธ์สิ่งที่เป็นนามธรรมมากขึ้น รวมทั้งสามารถคิดในเชิงสัมพันธ์และเปรียบเทียบได้ ตลอดจนสามารถอธิบายเหตุผลได้
ปัจจุบันมีการปรับสมดุลใหม่ที่คุณและลูกของคุณต้องปรับตัวให้ทันสถานการณ์อยู่เสมอ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีผลต่อการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ปัญหาสำคัญในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จนไม่สามารถสร้างให้ลูกเก่งคิดสร้างสรรค์แบบวิทยาศาสตร์ คือ เนื้อหาวิทยาศาสตร์มีทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ส่วนที่เป็นนามธรรมจะไม่สามารถจัดการเรียนรู้โดยใช้การบรรยายแบบปกติได้ ต้องหาวิธีจัดการเรียนรู้โดยแสดงลักษณะที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าให้ออกมาเป็นสิ่งที่อธิบายได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างเข้าใจ นอกจากนี้สิ่งที่มีปัญหามากที่สุดในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์คือ “การทำปฏิบัติการ” การใช้เฉพาะปฏิบัติการที่อยู่บนออนไลน์หรือกิจกรรมที่ไม่ได้ทำการทดลอง ส่วนใหญ่ทำได้เพียงทำให้ลูกของคุณจดจำภาพที่เกิดขึ้นจากการสังเกตในสื่อวีดิทัศน์ ใช้กิจกรรมลงมือปฏิบัติแบบแห้ง (dry practical) หรือด้วยเทคนิคการจำลอง (simulation) ต่าง ๆ ก็อาจไม่เท่าเทียมกับการปฏิบัติการจริง
อย่ารอให้โรงเรียนฝึกลูกให้เก่งคิดสร้างสรรค์แบบวิทยาศาสตร์ เพียงฝ่ายเดียว
ผู้ปกครองอย่างเรา... ลุยเองได้เลยค่ะ
ปริณุต ไชยนิชย์
อาจารย์ประจำสาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (RMUTSB : RUS)
ข้อมูลอ้างอิงจากงานวิจัย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/download/248629/169560
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSSE/article/view/256185
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/banditvijai/article/view/249716/170869