กลัวใช่มั้ยว่าลูกจะไม่มีที่เรียน กลัวใช่มั้ยถ้าลูกจะไม่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนที่เราเลือกให้อย่างดีที่สุดแล้ว เพราะช่วงจบชั้นประถมศึกษา คือช่วงสำคัญที่คุณยังมีสิทธิ์ในการ “เลือกโรงเรียน” ให้ลูก บทความนี้จึงอยากเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านให้เลิก “กลัว” แล้วจะให้เลิกกลัวได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญกับลูกอย่างเต็มที่ ไม่ยากค่ะ เรามาเริ่มต้นพร้อมกันได้เลย...
อย่าไปกลัวว่าลูกจะสอบเข้าม. 1 ไม่ได้ คือถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ คุณใช้คำอื่นได้ไหม ต่อให้สถานการณ์ที่ออกมามันดูจะหมายถึง “นี่!!!!! ลูกฉันสอบเข้าม. 1 ไม่ได้” ก็เถอะ
….เอาน่า เปลี่ยนคำเสียใหม่ อาจเป็นคำว่า “ลูกยังสอบเข้า ม. 1 ไม่ได้” ดีกว่าไหมล่ะ คิดใหม่ทำใหม่ ลูกแค่ยังสอบไม่ได้ในตอนนี้ (สมมติว่ามันเกิดขึ้นแล้ว) แล้วมุ่งมั่นหาทางเลือกอื่นร่วมกับลูก (ขอย้ำว่าร่วมกับลูกนะ) จริง ๆ ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังส่องแสง โลกก็ยังมีแสงสว่าง ลูกจะไม่มีที่เรียนได้ยังไงล่ะ เขาแค่ยังสอบไม่ติด ไม่ได้แปลว่า เขาไม่พร้อมมีที่เรียน หรือไม่มีวันจะมีที่เรียน แต่ลูกเราเพียงแค่ยังสอบไม่ติดที่ที่เลือกไว้ มันอาจยังไม่ใช่ที่เรียนที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา งั้นลองเลือกใหม่ดูสิ
คือจริง ๆ คุณไม่ใช่คนเดียวที่มีความกลัวนะ ผู้ปกครองทุกคนที่มีลูกวัยประถมปลายก็มีความกลัวเหมือน ๆ กันนั่นแหละ วิธีการจัดการกับความกลัวเหล่านี้คือ อยู่ในกลุ่มคนที่มีปัญหาเหมือน ๆ กัน (ขอย้ำว่าต้องเป็นกลุ่มสร้างสรรค์) คอยพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์หรือคุณอาจถนัดเป็นผู้อ่านที่ดีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหน เชื่อไหมว่าแต่ละโพสต์แต่ละความคิดเห็นที่ผ่านคุณ เป็นอาหารตาอันโอชะ ที่ซุกความรู้ชั้นดีซ่อนไว้อยู่ในประสบการณ์และเรื่องเล่าของผู้คน และความจริงแท้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการก็ปะปนอยู่ในนั้นด้วย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นตัวตั้ง คุณคงต้องหา รร.รัฐ ที่มีเปิดสอบหลายรอบ แต่รอบทั่วไปจะพร้อมกันทั่วประเทศ เพราะส่วนใหญ่เด็กที่เก่งจะสมัครสอบไปทั่ว จากนั้นก็จะสละสิทธิ์ ทำให้หลายคนไม่มีที่เรียน เราเชื่อว่า ทุกคนอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดี ๆ แต่ที่ดี ๆ การแข่งขันก็สูง และปัญหาที่พบตอนนี้คือ รร. ที่คุณกันไว้ก่อนว่าเรียนที่นี่แน่ ถ้าลูกไปแข่งไม่ได้ มักจะสอบก่อน จ่ายก่อน = ไม่มั่นใจ ต้องจ่ายค่าเทอมกันไว้ก่อน คืนไม่ได้ และที่สำคัญ รร.ดัง มักแข่งขันกันสอบ ดังน้อยกว่ามักจะสอบก่อน ปัญหาก็คือเด็กเก่งก็จะแห่มาสอบ
แล้วกั๊ก ยอมจ่ายเงินก่อน แต่เป้าหมายสุดท้ายคือ เลือก รร.ที่ดีที่สุดในความหมายของเขา ซึ่งมักสอบหลังถ้าสอบได้สละสิทธิ์ สอบไม่ได้ก็เอา รร.ก่อนที่สอบได้ เอาล่ะ หากคุณรู้ต้นเหตุของปัญหา ทีนี้เลิกกลัวได้หรือยัง
คนขยัน ไม่มีวันไม่มีที่เรียนหรอก เคยได้ยินไหมว่า ถ้าทำดีที่สุดแล้ว ผลเป็นอย่างไรก็จะไม่เสียใจ คุณควรเริ่มติวลูกสิ เริ่มจากใช้วิธีให้ลูกทำข้อสอบเอา ลูกไม่ชอบอ่านหนังสือหรอกเชื่อสิ เพราะเห็นตัวหนังสือเยอะ ๆ แล้วเด็กประถมปลายบางคนนี่ มึนไม่ไหวเลย อยากจะเท อ่อ แล้วก็คุณต้องจับเวลาไปด้วย ทำข้อสอบไปด้วย อันนี้สำคัญ มันจะช่วยทำให้ลูกรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และที่สำคัญต้องเลือกช่วงเวลาที่ลูกจะรู้สึกมีสมาธิที่สุดดู คือถ้าเขาขี้เกียจก็ลองเปิดหาคลิปให้กำลังใจให้ลูกดู
ส่วนข้อสอบนี่ ในคลังบทเรียน คลังข้อสอบของทรูปลูกปัญญามีเพียบ คุณลองค้นหาดูเลย ไม่ก็ตามหาแบบฝึกหัดในหนังสือ พอลูกทำข้อสอบเสร็จ ก็ลองให้เขาดูเฉลยและทำความเข้าใจข้อที่ผิด แล้วก็ให้เขาเน้น ๆ ไปเลย อ่อ อย่าลืมทำสถิติคะแนนของลูกไว้ด้วยก็ดีว่าคะแนนลูกอัพขึ้นไหม (บอกเจ้าตัวด้วยจะดีมาก) จะบอกว่าถ้าทำสูตรนี้ ต่อให้ไม่ได้ที่เรียนที่ต้องการ ก็จะมีโอกาสได้ที่เรียนใหม่ที่ดีสมใจคุณและลูกอย่างแน่นอน
ไม่ใช่การสอนให้ลูกเทนะ แต่อยากให้เอาเวลาสัปดาห์สุดท้ายสอนให้ลูกเอาเวลาไปทำข้อสอบย้อนหลังมากกว่า เน้นการทวนความรู้ที่มี (ติวมาเต็มแล้วนี่) ฝึกทำเวลาให้ได้ (คือถ้าความรู้เยอะ แต่จัดการไม่ได้ ทำไม่ทันเวลา ก็จบนะ) หยุดอัดอะไรใส่สมองลูกในช่วงนี้เถอะ โดยเฉพาะคำด่าทอ คำตำหนิ คำที่เป็นการเสริมแรงทางลบ ห้ามกดดันลูกตัวเองเด็ดขาด เพราะเชื่อไหม ลูกทำมาดีที่สุดแล้ว
คือถ้าลูกอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้ แนะนำให้ลูกหาดูคลิปติวสอบเข้า ม.1 ทรูปลูกปัญญามีเติมคลิปเหล่านี้ให้อย่างต่อเนื่อง หาพวกข้อสอบมาลองทำ ถ้าจะอ่านหนังสือ ขอแนะนำให้ลูกตื่นอ่านช่วงเวลาเช้า ๆ ดีกว่า จะช่วยทำให้เจ้าตัวจำได้มากขึ้น แต่ต้องไปดูก่อนว่า รร.ที่คุณจะให้ลูกสอบ มักจะออกข้อสอบเรื่องไหนจะได้อ่านถูกจุด อ่านเฉพาะเรื่องที่จะออก เพราะมีเวลาน้อยแล้วและที่สำคัญขอย้ำว่า อย่านอนดึก
เคยได้ยินไหมว่า ทุกอย่างเกิดแล้วดีเสมอ ทั้งการสอบที่ลูกสอบติดแล้ว หรือยังไม่ติดก็ตาม โดยทั้งคุณและลูกน่าจะต้องเริ่มมีเป้าหมายชีวิตได้แล้ว อย่ามัวถามว่าคุณและลูกของคุณชอบอะไรแล้วอยู่กับที่ ลองตั้งเป้าหมายชีวิตก่อนว่าอยากเรียนที่ไหน ถ้าที่นั่นคะแนนสูง ก็จะทำให้ลูกตั้งเป้าหมายไว้สูง และที่สำคัญอย่าใช้พฤติกรรมแบบไม่ตั้งเป้าหมาย มัวแต่ถามลูกว่าลูกชอบอะไร แต่ให้ระลึกไว้ว่า เป้าหมายมันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ จงตั้งให้ยากไว้ก่อน แล้วพยายามให้มาก ๆ เพื่อให้มันสำเร็จที่สุด
ขอย้ำนะ ย้ำคำว่า สำเร็จที่สุด มันก็คือคำว่า ทำดีที่สุด นั่นเอง
แต่ที่สำคัญคุณเองก็ต้องชี้ชวนให้ตัวเองเปลี่ยนใจให้ได้เสมอด้วย
แล้วก็อย่าลืมเลิกกลัวว่าลูกจะไม่มีที่เรียนด้วยล่ะ
ปริณุต ไชยนิชย์
ข้อมูลอ้างอิงจาก http://9choke.com/2020/06/04/ถ้าลูกสอบรอบปกติไม่ได้/
https://pantip.com/topic/36281596 ทำไมสอบเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 สามาถเลือกสอบได้แค่ 1 โรงเรียน