Cleft มาจากคำกริยา to cleave หมายถึง ทำให้แยกออก ดังนั้น Cleft sentences คือ ประโยคความซ้อนที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 Clause (อนุประโยค) โดยแต่ละ Clause มีปฏิกิริยาของตัวเอง เพื่อเน้นความสำคัญของ Subject หรือ Object
Cleft Sentences ใช้เน้นย้ำข้อมูล เพื่อเชื่อมโยงสิ่งที่เข้าใจอยู่แล้วกับสิ่งใหม่ โดย Cleft sentence จะช่วยให้เน้นความสำคัญไปที่ข้อมูลใหม่
1. It – Cleft sentence patterns
เป็น Cleft sentence ที่ขึ้นต้นด้วย It เพื่อเน้นข้อมูลสำคัญที่อยู่หลัง It
โครงสร้าง : It + V.to be + Subject/Object + that/who relative clause.
Example: 1
Normal Sentence: Tom bought a leather coat.
(ทอมซื้อเสื้อโค้ทหนัง)
Cleft sentence (Subject): It was Tom who bought a leather coat.
(ทอมคือคนที่ซื้อเสื้อโค้ท)
* Cleft sentence เน้นความสำคัญที่ประธาน
Cleft sentence (Object): It was a leather coat that Tom bought.
(มันคือเสื้อโค้ทหนังที่ทอมซื้อ)
* Cleft sentence เน้นความสำคัญที่กรรม
Example: 2
A: Did Prayut borrow your watch?
(ประยุทธ์ยืมนาฬิกาของคุณใช่ไหม?)
B: No, it was Prawit who did it.
(ไม่ใช่ ประวิตรเป็นคนยืม)
*ข้อมูลเก่าคือมีคนยืมนาฬิกาไป ส่วนข้อมูลใหม่ที่ต้องการเน้นย้ำคือ ประวิตรเป็นคนยืม
นอกจากสามารถใช้ Pronoun แทน It ในการสร้าง Cleft sentence ได้ เช่น
Normal Sentence: John broke my pencil.
(จอห์นทำดินสอของฉันหัก)
Cleft sentence: That is my pencil that John broke.
(นั่นคือดินสอของฉันที่จอห์นทำหัก)
2. WH – Cleft sentence patterns
WH - Cleft sentence หรือเรียกอีกอย่างว่า Pseudo Cleft sentence เป็น Cleft sentence ที่เริ่มต้นประโยคด้วย WH words เช่น what, why, where และคำเหล่านี้ all, the thing, something, one thing
โครงสร้าง : What clause + V.to be + คำหรือวลีที่เน้นย้ำ ( emphasized word or phrase)
Example:
Normal Sentence: She has ruined ex-boyfriend’s wedding party.
(เธอพังปาร์ตี้งานแต่งของแฟนเก่า)
Cleft sentence: What she has done is ruined ex-boyfriend’s wedding party
(ที่เธอทำคือพังปาร์ตี้งานแต่งของแฟนเก่า)
What happened was that each one helped the other.
(สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือแต่ละคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน)