สะดือของทารก เป็นส่วนสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ เพราะหากสะดือสกปรกก็อาจทำให้ลูกติดเชื้อได้ง่าย

อย่างที่เราทราบกันดีว่า สะดือ คือส่วนที่่เชื่อมต่อระหว่างทารกกับมารดา หลังจากทารกเกิดออกมาแล้วแพทย์จะทำการตัดสายสะดือ และผูกสายสะดือนั้นไว้ เมื่อเวลาผ่านไปสายสะดือของลูกจะค่อย ๆ แห้งและหลุดไปเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ในระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะอาดบริเวณสะดือของลูกให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เพราะสายสะดือประกอบด้วยเส้นเลือดดำและแดง ซึ่งหากติดเชื้อก็อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของลูกได้ง่ายขชึ้นนั่นเอง

วิธีการทำความสะอาดสะดือลูก

1. หลังจากอาบน้ำลูกเสร็จแล้ว ให้จับสายสะดือให้ตั้งขึ้นเบา ๆ ใช้ Cotton Buds หรือสำลีก้อน ชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดบริเวณขั้วและสายสะดือให้สะอาด โดยหมุนไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรเช็ดย้อนไปย้อนมาเพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้

2. หากพบว่าสะดือลูกยังไม่สะอาด ให้ทิ้ง Cotton Buds หรือสำลีก้อน อันเดิม แล้วใช้อันใหม่ทำความสะอาดต่อ และควรเช็ดอย่างเบามือ

3. เริ่มเช็ดตั้งแต่โคนสะดือไล่มาจนถึงปลาย และเช็ดทุกซอกมุมให้สะอาด

4. เมื่อสะดือสะอาดแล้ว อย่าลืมเช็ดผิวหนังรอบสะดือของลูกด้วย

5. การเช็ดสะดือนี้ ควรทำทุกครั้งหลังอาบน้ำให้ลูก คือ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้สะดือของลูกเกิดการหมักหมมความชื้นและสิ่งสกปรก

6. ในกรณีที่แพทย์ให้ยาสำหรับทาสะดือมาด้วย หลังเช็ดทำความสะอาดแล้วให้ใช้ Cotton Buds หรือสำลีก้อน ชุบยาทาสะดือ แล้วเริ่มเช็ดตั้งแต่บริเวณขั้วตัดของสะดือ ไล่ลงไปจนถึงโคนสะดือ

7. หากพบว่าบริเวณสะดือของลูกมีอาการบวมแดง มีกลิ่นเหม็น หรือมีหนอง ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

การทำความสะอาดสะดือของลูก ควรทำอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้สายสะดือและขั้วสะดือของลูกจะหลุดออกไปหมดแล้ว เพราะการรักษาความสะอาดสะดือของลูกจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและคราบเหงื่อไคลต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกในภายหลังได้นั่นเอง