konnichiwa (คนนิจิวะ) เป็นคำที่คนญี่ปุ่นใช้ทักทายคนที่เจอกันในช่วงกลางวัน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า good afternoon และยังมีคำอื่นๆ ที่ใช้ทักทายแบ่งตามช่วงเวลาอย่าง ohayou gozaimasu (โอะฮาโยโกะไซมาสึ - おはようございます) คือ good morning ใช้ทักทายกันตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึง 11.00 น. และ konbanwa (คมบังวะ - こんばんは) คือ good evening ใช้ทักทายคนที่เจอกันหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับเราที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างภาษาจะใช้ konnichiwa ในความหมายว่า Hello ทักทายไปตลอดทั้งวันก็ไม่ผิดอะไร
สำหรับญี่ปุ่นแล้วเรื่องมารยาทเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเป็นไปได้ที่เราจะได้พูดคำว่า “ขอบคุณ” อยู่บ่อยๆ คำว่า ขอบคุณในภาษาญี่ปุ่นคือ arigatou (อะริงะโต) ใช้พูดได้ทั่วไป แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าความสุภาพเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ดังนั้นเพิ่มความสุภาพเข้าไปเป็น arigatou gozaimasu (อะริงะโต โกะไซมาสึ) พร้อมโค้งเล็กๆ น่าจะสร้างความประทับใจให้เจ้าบ้านไม่น้อยเลย
คำว่าขอโทษในภาษาญี่ปุ่นคือ sumimasen (สุมิมาเซน) ตรงกับคำว่า Excuse me ในภาษาอังกฤษ มักใช้ในกรณีเกริ่นเรียกพนักงานหรือเจ้าหน้าที่, เมื่อต้องการถามเรื่องต่างๆ จากผู้อื่น, เวลาขอทางเวลาอยู่บนรถ หรือขอทางออก ทางลง หรือในกรณีที่ทำให้ผู้อื่นต้องเสียเวลามาช่วยเหลือเราก็จะใช้ sumimasen เป็นการกล่าวขอบคุณ
นอกจากนี้ยังมีคำว่า gomennasai (โกะเมนนาไซ - ごめんなさい) ที่ตรงกับภาษาอังกฤษว่า I’m sorry. ใช้กล่าวขอโทษผู้อื่นในสิ่งที่เราทำลงไป เช่น ขณะอยู่บนรถไฟอาจเผลอไปเหยียบเท้า หรือเดินชนผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจก็ก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า gomennasai เพื่อเป็นการขอโทษจะเป็นการดีที่สุด
itadakimasu (อิตาดาคิมัส) เป็นคำที่คนญี่ปุ่นจะพูดก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการแสดงความความอ่อนน้อมถ่อมตนและขอบคุณสำหรับอาหารที่กำลังจะรับประทาน จริงๆ แล้วในฐานะนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ แต่ถ้าเรากล่าว itadakimasu ก่อนเริ่มรับประทานอาหารไม่ว่าจะในร้านอาหาร หรือที่บ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปเยี่ยมเยือน เจ้าบ้านจะประทับใจในมารยาทของเราอย่างแน่นอน
เมื่อจะบอกถึงความต้องการว่า ฉันอยากได้... หรือ ฉันขอ... ให้พูดว่า __ของที่ต้องการ__ o kudasai (___ โอะ คุดาไซ) ประโยคนี้มีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในร้านอาหาร, ร้านค้า และเพื่อให้ใช้ประโยคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องรู้คำศัพท์บ้าง เช่น
mizu (มิสุ) = water (น้ำ)
ocha (โอะฉะ) = tea (น้ำชา)
koohii (โคฮี) = coffee (กาแฟ)
biiru (บีรุ) = beer (เบียร์)
suteeki (สุเตคิ) = steak (สเต็ก)
hanbaakaa (ฮัมบาก้า) = hamburger (แฮมเบอร์เกอร์)
__ wa doko desu ka? (__ วะ โดโกะ เดสก๊ะ?) ใช้ถามว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งมีประโยชน์มากๆ แม้ว่าเราอาจจะฟังคำตอบไม่เข้าใจ แต่รับรองว่าคนญี่ปุ่นจะชี้บอกทางให้เราไปในทิศทางที่ถูกต้อง หรือบางทีอาจจะนำทางพาเราไปถึงที่หมายกันเลยทีเดียว ที่สำคัญรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ไว้ด้วยยิ่งดี เช่น
depaato (เดพาโตะ) = department store (ห้างสรรพสินค้า)
eki (เอคิ) = train station (สถานีรถไฟ)
eigakan (เองะคัง) = movie theater, cinema (โรงภาพยนตร์)
kouen (โคเอน) = park (สวนสาธารณะ)
resutoran (เรสุโตะรัน) = restaurant (ร้านอาหาร)
hoteru (โฮะเทรุ) = hotel (โรงแรม)
kuukou (คูโค) = airport (สนามบิน)
toire (โทอิเระ) = toilet (ห้องนํ้า)
tera (เทระ) = temple (วัด)
taishikan (ไทชิคัง) = embassy (สถานทูต)
อยากไปที่ไหนให้ใช้วลี ___ ni ikitai (__สถานที่__นิ อิคิไต) เช่น Yokohama ni ikitai. (ฉันอยากไปโยโกฮาม่า)