1. ทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายอย่างมีวินัยต่อเนื่องและจริงจัง

เริ่มที่เรื่องนี้น่าจะง่ายที่สุด แต่เอาเข้าจริง การทำให้ต่อเนื่องและเห็นประสิทธิภาพของการบริหารเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย เพราะหลายคนมักจะขี้เกียจทำ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เงินก็ใช้ไปแล้ว จะต้องมาบันทึกมาทำบัญชีอะไรให้วุ่นวาย แต่ถ้าน้อง ๆ ทำได้ น้องจะเห็นเลยว่า การบริหารการเงินของน้องมีจุดอ่อน จุดบกพร่อง หรือจุดเด่นตรงไหนที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ถือว่าถ้าได้ผ่านด่านที่หนี่งนี้ไปได้ รับรองเลยว่าด่านต่อไปก็จะพิชิตได้ไม่ยาก

2. ฝึกแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วน ตามหน้าที่และเหตุผลของเงินในแต่ละด้าน

วิธีการนี้ได้รับความนิยมกันมาก ในหมู่นักบริหารเงิน เป็นวิธีที่ไม่ยากเลย เพราะไม่ได้ต้องใช้องค์ความรู้อะไรลึกซึ้ง แต่ที่ต้องใช้มาก ๆ เลยคือวินัยและความรับผิดชอบ เพราะเงินแต่ละส่วนอาจจะมีที่มาและที่ไปที่แตกต่างกัน หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่จะได้จะผิดเพี้ยนไปอย่างแน่นอน 

3. ทำความรู้จักแหล่งเรียนรู้ทางการเงิน

เหมือนกับการที่เราให้ความสำคัญกับการเลือกโรงเรียนในระดับมัธยมหรือเลือกสาขา คณะ และมหาวิทยาลัย เพราะแหล่งรู้ทางการเงินที่ดีต้องเหมาะสม ปลอดภัย และเป็นองค์ความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันมีแหล่งเรียนรู้มากมายหลายรูปแบบ แต่ก็มีหลายแบบที่มีความสุ่มเสี่ยงหลอกล่อให้น้อง ๆ ติดกับดัก หรือมิจฉาชีพที่แฝงเข้ามา  ซึ่งเพื่อความปลอดภัยของน้อง ๆ พี่นัทขอแนะนำให้เริ่มต้นเรียนรู้ที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน (Investment Discovery Museum) INVESTORY ที่นำเสนอความรู้โดยใช้การเล่าเรื่องผ่านตัวละคร Money Monsters ศัตรูร้ายทางการเงิน และ SET Heroes ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องของหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และอนุพันธ์ ตลอดจนสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยทำให้น้อง ๆ ได้รู้จักและตระหนักถึงปัญหาทางการเงินที่มีอยู่รอบๆ ตัว จนเกิดความต้องการที่จะหาทางแก้ไขปัญหา โดยการวางแผนทางการเงินและการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จนสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายประกอบการเล่าเรื่องราว โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชม เพื่อให้น้อง ๆ ที่สนใจได้ทดลองปฏิบัติจริง ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน

4. เรียนรู้การออมรูปแบบใหม่ เก็บเงินอย่างไรให้เงินงอก

เปิดโลกการออมที่ไม่ใช่แค่การหยอดเงินใส่กระปุกหรือฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ เก็บโดยที่ไม่รู้เหตุผล ไม่มีการวางเป้าหมาย ไม่มีกลยุทธ์ที่ช่วยให้เงินงอกได้ แต่เรียนรู้การออมแบบรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มเติม ขั้นตอนนี้ต้องใช้ทักษะมากขึ้น ใช้ความรู้ ความเข้าใจ และการรู้เท่าทันมากขึ้น แต่ถือว่าเป็นการฝึกที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว   

5. เรียนรู้เรื่องการลงทุนที่หลากหลาย อย่างมีสติและปัญญา

ปัจจุบันนี้เด็กรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องการวางแผนทางการเงินมากขึ้น ใช้เวลาว่างเรียนรู้โลกแห่งการลงทุน หาข้อมูล เข้าถึงองค์ความรู้ที่ทันสมัยทางการเงิน เช่น การลงทุนรูปแบบใหม่ ๆ อย่าง Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล) ซึ่งก็คือสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป เพียงแต่ยังไม่สามารถจับต้องได้ หรือจะเป็นแนวแบบเล่นเกมแล้วได้เงิน เช่น การเล่นเกม  NFT ซึ่งก็คือสินทรัพย์ดิจิทัลอีกรูปแบบหนึ่ง อารมณ์เดียวกับคริปโต แต่ NFT จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่เป็นสินทรัพย์ที่มีชิ้นเดียวในโลก มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถทำซ้ำ หรือคัดลอกได้ เช่น งานศิลปะ ภาพถ่าย การ์ตูน เพลง วิดีโอ รวมไปถึงเกม เห็นมั้ยว่าเล่นเกมแล้วเสียเงินมีมากมาย แต่เล่นเกมแล้วได้เงินก็มีเช่นกัน

ข้อสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้หลาย ๆ เส้นไว้เลยคือ การลงทุนไม่ใช่การพนัน ไม่ใช่เรื่องของกิเลส ไม่ใช่การเสพติด จะใช้ความมันในอารมณ์ไม่ได้ น้อง ๆ จะต้องศึกษาข้อมูล เรียนรู้ระบบต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านนี้ ศึกษาให้รอบคอบว่ากิจกรรมไหนเหมาะกับความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจ และรู้เท่าทันของเรา อย่าลืมว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ก่อนจะตัดสินใจลงทุนอะไรไป ต้องหาข้อมูลให้ชัวร์ให้ชัดก่อน