มีสถานเสริมความงาม เปิดให้บริการมากมาย แต่การทำศัลยกรรมที่เราต้องการนั้น จะปลอดภัยและทำออกมาได้ถูกใจมากน้อยเพียงใด เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ต้องการทำศัลยกรรมควรหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด
โดยทางเราได้นำสิ่งที่ควรรู้และข้อควรปฏิบัติจาก นพ.สุรสิทธิ์ อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่กำลังสนใจทำศัลยกรรม ได้ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น
5 อันดับแรกของคนไทย คือ 1. ทำตา 2. ทำจมูก 3. ทำหน้าอก 4. ดึงหน้า และ 5. เสริมสะโพก-ก้น ด้วยเพราะเทคนิคทางการแพทย์ที่ทำให้การผ่าตัดศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ปลอดภัยและทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ความเจ็บปวดน้อยลง แผลมีขนาดเล็ก รวมทั้งการดูแลหลังการผ่าตัด ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก จึงทำให้การตัดสินใจทำศัลยกรรมของคนไทยเป็นเรื่องง่าย และนิยมทำกันมากขึ้น
ค่านิยมการทำศัลยกรรมในประเทศไทยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ผู้คนต่างชื่นชอบ การมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม และให้ความสำคัญกับการดูแลตนเอง แตกต่างจากเมื่อก่อน ที่หากมีคนทำศัลยกรรมจะถูกมองในแง่ลบ แต่ปัจจุบันการทำศัลยกรรม แสดงถึงการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ซึ่งสังคมก็จะมองในแง่บวกมากขึ้น ทำให้ผู้ที่มาทำศัลยกรรม กล้าที่จะพูด เปิดเผย รวมทั้งบอกต่อเรื่องการทำศัลยกรรมมากขึ้น เพราะค่านิยมของสังคมเรื่องการทำศัลยกรรมที่เปลี่ยนไปในทางบวก ผู้ที่ทำศัลยกรรม จะมีความมั่นใจ และมีความสุขในชีวิตอย่างมาก ทุกครั้งที่ได้รับคำชื่นชม หรือส่องกระจกเห็นใบหน้า รูปร่างของตนเองที่ดูดีขึ้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิต โอกาสที่ดีในการทำงานต่าง ๆ ที่ล้วนมาจากความมั่นใจในตัวเอง ทั้งสิ้น นอกจากนี้อีกประการหนึ่งที่ทำให้คนสนใจทำศัลยกรรมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน คือเทคนิคและเทคโนโลยีการผ่าตัด ที่ดีขึ้น สมัยก่อนถ้าทำศัลยกรรมแต่ละครั้งจะบวมช้ำนาน แผลผ่าตัดก็ยาว ทำไปแล้วผลลัพธ์ก็ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดทำศัลยกรรมความงามแผลเล็กมาก เจ็บน้อย หายเร็ว และให้ความเป็นธรรมชาติมา คนก็เลยนิยมหันมาทำศัลยกรรมมากขึ้น
การทำศัลยกรรมเมื่อเป็นการผ่าตัดขนาดใหญ่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการผ่าตัดต้องอาศัยความชำนาญการเฉพาะทาง จึงจะมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีที่พักฟื้นและการดูแลที่ดี ซึ่งหากเป็นการผ่าตัดขนาดใหญ่ที่ต้องดมยาสลบ ก็จำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ที่ชำนาญการคอยดูแล ต่อมาควรพิจารณาเรื่องคุณภาพ ดูผลลัพธ์จากการผ่าตัด ซึ่งต้องศึกษาดูเคสตัวอย่างประกอบ แต่วิธีที่ดีที่สุดอาจจะพิจารณาจากประสบการณ์ตรงจากคนใกล้ชิด เช่น ญาติ พี่น้อง คนในครอบครัว หรือเพื่อน ที่อาจจะทำศัลยกรรมมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ย่อมมีความน่าเชื่อถือได้ ซึ่งหากเมื่อพิจารณาจากความปลอดภัย และคุณภาพแล้วค่อยมาดูเรื่องความเหมาะสมของของราคากันอีกที
เริ่มจากการตรวจสอบความน่าชื่อถือของศัลยแพทย์ สามารถเช็กได้โดยการนำชื่อศัลยแพทย์ ไปเช็กจากฐานข้อมูลบนเว็บไซต์แพทยสภา (https://checkmd.tmc.or.th) ที่ดูได้ว่ามีประสบการณ์กี่ปี เรียนจบเฉพาะทางด้านใด สำหรับสถานพยาบาลสามารถเช็กจากเว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. (http://privatehospital.hss.moph.go.th) เพื่อความมั่นใจ ก่อนการตัดสินใจเพื่อทำศัลยกรรม
เมื่อมีความมั่นใจและตั้งใจที่จะทำศัลยกรรมแล้ว การเตรียมความพร้อมก่อนการทำศัลยกรรมก็เป็นเรื่องสำคัญผู้ที่จะเข้ารับการทำศัลยกรรมควรเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เต็มที่ ไม่เครียด ไม่กังวล สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันสูง ก็ต้องควบคุมความดันให้ปกติเสียก่อน หรือหากมีโรคประจำตัวหรือประวัติการใช้ยาใด ก็ควรแจ้งประวัติให้แพทย์และพยาบาลทราบ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด และควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกออฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกออฮอล์และบุหรี่มีผลต่อหลอดเลือดและการแข็งตัวของเลือด ทำให้แผลหายช้าและบวมช้ำได้นาน โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ เช่น การผ่าตัดดึงหน้า หรือการตัดไขมันหน้าท้อง การสูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดเลือดของผิวหนังและเกิดผิวหนังตายได้
ในอนาคตประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผ่าตัดศัลยกรรมความงามอย่างแน่นอน เนื่องจากคุณภาพ เทคนิคการผ่าตัดและฝีมือศัลยแพทย์ไทยทัดเทียมและไม่เป็นรองประเทศใด โดยเน้นการทำศัลยกรรมให้น้อย แต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสำคัญมากที่ต้องให้ศัลยแพทย์วิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาและในปัจจุบันจะยังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมดก็มีโอกาสได้ดูแลผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่ให้ความเชื่อมั่นและเลือกเข้ามาผ่าตัดศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เล็งเห็นถึงพฤติกรรมของการใส่ใจ ดูแลตัวเองของคนในปัจจุบัน โดยศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ยึดมั่นในการดูแลคนไข้ด้วยมาตรฐานความปลอดภัย และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อคลายความกังวลใจ พร้อมสร้างความมั่นใจให้คนไข้จากการผ่าตัดศัลยกรรม