Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

[รีวิว] กายภาพบำบัด ม.มหิดล

Posted By Plook TCAS | 18 ม.ค. 65
11,251 Views

  Favorite
กายภาพบำบัด ม.มหิดล

 

รศ.ดร.กภ.จารุกูล ตรีไตร​ลักษณะ
พี่ชีต้า-เอกภูมิ ธรภาพพิศาล
พี่ไน๋จี้-ชัชชญา คงสุนทรกิจ

 

          คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถาบันแห่งแรกที่ผลิตหลักสูตรกายภาพบำบัดในระดับปริญญาตรี

          ในคณะของเราเรียนเกี่ยวกับหลัก ๆ เลยคือ เน้นในการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะการฟื้นฟูผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตปกติประจำวันให้ได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด โดยที่คณะเราจะมี 2 สาขาด้วยกันคือ สาขากายภาพบำบัด และสาขากิจกรรมบำบัด โดย 2 สาขาก็จะโดดเด่นในเรื่องที่ต่างกันออกไป

          สาขากิจกรรมบำบัด จะเน้นเรื่องของการใช้กิจกรรมในการช่วยเหลือผู้ป่วย ส่วนสาขากายภาพบำบัดก็จะเน้นเรื่องการออกกำลังกาย และการใช้เครื่องมือด้านกาภาพ ในการฟื้นฟูผู้ป่วยนั้นเอง แต่ทั้ง 2 สาขา ก็จะเรียนไปเพื่อฟื้นผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันให้ได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุดนั้นเองค่ะ

 

เป็นเครื่องที่ใช้วัดสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ อย่างเช่นในผู้ป่วยเปลี่ยนเอ็นไขว่หน้าบริเวณเข่าครับ โดยจะดูว่าจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้หรือยังจากเครื่องตัวนี้

 

การรักษาด้วยมือ จะมีการรักษาหลายแบบอย่างเช่น การกดจุดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ การนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ หรือว่าการลดบวมด้วยการไล่น้ำเหลือด้วยมือนั้นเอง โดยตอนเรียนก็จะได้สลับกันเป็นนไข้และคนรักษา

 


รศ.ดร.กภ. จารุกูล ตรีไตรลักษณะ
คณบดีคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

          คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เราแบ่งออกเป็น 2 สาขา คือ สาขากิจกรรมบำบัด ซึ่งว่าด้วยเรื่องของศาสตร์ของการใช้กิจวัตรประจำวัน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ และอีกสาขาคือ สาขากายภาพบำบัด คือสาขาที่เป็นศาสตร์ของการเคลื่อนไหว เพื่อส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูผ้ป่วย เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวัน คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด

          ความโดดเด่นของคณะกายภาพบำบัด - มหิดล คือ PTMU เรามุ่งสู่ความเป็นสากล เพราะฉะนั้นการเรียนการสอนของเราก็ตามมาตรฐานสากล แล้วก็มีกิจกรรมส่งเสริมให้นักศึกษาเน้นความเป็นสากล ให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรม ได้ใช้ชีวิตอยู่กับชาวต่างชาติรุ่นพี่ ปริญญาโทและปริญญาเอกด้วย และได้มีโอกาสไปฝึกปฏิบัติงานต่างประเทศด้วย

          ถ้าจะเป็นนักกายภายภาพบำบัด ที่สำคัญต้องมีเรื่องของจิตที่จะให้บริการ คนที่เราพบปะคือคนที่มีความทุกข์ เขามาหาเราด้วยความทุกข์ แต่เขาจะเดินออกไปด้วยความสุข ฉะนั้นเราต้องพร้อมให้บริการ น้อง ๆ ที่สนใจก็ต้องมีจิตให้บริการค่ะ


การเรียนแต่ละชั้นปี

          สำหรับใครที่เป็นคนชอบอธิบาย ใจเย็น ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นอีกวิชาชีพหนึ่งที่อาจจะเหมาะกับน้อง ๆ ในส่วนของการเรียน จะเรียนทั้งหมด 4 ปี

ปี 1

          เริ่มมาด้วยการปูพื้นฐาน ด้วยการใช้ภาษาไทย อังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ส่วนวิชาที่จะเรียนที่นี่คือ จิตตปัญญา คือการทำให้เรานั้นได้รู้ ในเรื่องของกายภาพบำบัดมากขึ้น รวมถึงจิตวิทยาในการเข้าหาผู้ป่วย หรือว่าอารมณ์ต่าง ๆ นั้นเอง ต่อมาก็จะเป็นการเรียนปฐมพยาบาลพื้นฐาน แล้วก็ Anatomy พื้นฐาน ที่น้อง ๆ ปี 1 จะต้องเรียนกันค่ะ

ปี 2

          เราจะเรียน Anatomy ที่ลึกขึ้น โดยที่นักศึกษาทุกคนจะต้องผ่าอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวเองค่ะ เรียนเสร็จก็จะมีแลปด้วย ต่อมาก็จะเป็นการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เช่น จะทำอย่างไรให้สามารถยกผู้ป่วยออกจากเตียงได้ โดยที่เราตัวเล็กแต่ผู้ป่วยตัวใหญ่กว่า ก็จะมีเทคนิคด้วยค่ะ ต่อไปก็มีเรื่องของการนวดเกี่ยวกับการทำหน้าที่ปกติของร่างกาย แล้วก็ความผิดปกติของสมอง เส้นประสาทต่าง ๆ ที่นำมาเพื่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ และสิ่งที่น้อง ๆ ปี 2 จะต้องเอหนักมาก ๆ ก็คือการใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับกายภาพบำบัดนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นไฟฟ้า, อัลตร้าซาวด์, การช่วยผู้ป่วย จากการใช้ความร้อนและความเย็น

ปี 3

          เริ่มเข้าสู่ Pre clinic เพื่อเรียนกายภาพบำบัดเฉพาะทางมากขึ้น ซึ่งมี 4 ทางหลัก คือ

1. กายภาพบำบัด ทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ

2. กายภาพบำบัด ทางระบบประสาท

3. กายภาพบำบัด ทางระบบหัวใจทรวงอก

4. กายภาพบำบัด ทางระบบเด็ก

          และปี 3 จะมีพิธีรับเสื้อกราวน์ โดยอาจารย์แต่ละท่านก็จะสวมเสื้อกราวน์ให้นักศึกษาแต่ละคน เพื่อที่จะออกไปรักษาคนไข้อย่างเต็มตัว ซึ่งถือเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ ของคณะ

ปี 4

          เราจะนำสาขาต่าง ๆ มาบูรณาการกันครับ เพื่อที่จะใช้ในกายภาพบำบัดสาขาต่าง ๆ เช่น กายภาพบำบัดทางผู้สูงอายุ, กายภาพบำบัดทางกีฬา และกายภาพบำบัดในชุมชน นอกจากนั้นยังมีการเรียนเรื่องจิตวิทยาทางคลินิก เพื่อมาประยุกต์กับคนไข้ การเรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการทางกายภาพบำบัด เพื่อมาเปิดคลินิก

 

การฝึกงาน 

          การฝึกงาน จะเป็นการฝึกงานที่โรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างแรกคือ โรงพยาบาลภายในเครือข่ายของมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลชุมชน ตามลำดับ ซึ่งพอเราฝึกงานเสร็จเรียนร้อยแล้วตอนปี 4 ก็จะมีการสอบ ที่เอาความรู้ตั้งแต่ปี 1 – 4 มาใช้ตรวจคนไข้ โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนไข้ป่วยเป็นอะไร ซึ่งต้องซักประวัติ ตรวจร่างกาย รักษาโดยมีเวลาจำกัด นับว่าเป็นการสอบที่มีความตื่นเต้นมาก ๆ หลังจากนั้นจะมีการสอบใบวิชาชีพกายภาพบำบัด ซึ่งตรงกับสภากายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย และจะได้ใบประกอบวิชาชีพเป็นนักกายภาพบำบัดเต็มตัว

 

อาชีพหลังเรียนจบ

          เรียนจบแล้วก็สามารถประกอบอาชีพ เป็นนักกายภาพบำบัดได้หลากหลายสาขา เช่น กายภาพบำบัดทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ, กายภาพบำบัดทางระบบประสาท, กายภาพบำบัดทางระบบหัวใจทรวงอก, กายภาพบำบัดระบบเด็ก, นักกายภาพบำบัดที่ทำงานดูแลทีมกีฬา ฟื้นฟูผู้ป่วยนักกีฬา, นักกายภาพบำบัดที่คลุกคลีกับวงการผู้สูงอายุ หรือเปิดคลินิกกายภาพบำบัด เยอะแยะมากมายเลย โดยอยากจะบอกว่ากายภาพบำบัดเป็นที่นิยมมาก ๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรคใกล้ตัวมากมายที่เราอาจจะยังไม่รู้ และสามารถเอากายภาพบำบัดไปช่วยได้ด้วย เช่น โรคหลอดเลือกสมอง, ออฟฟิศซินโดรม, ปวดข้อมือจากการใช้งาน หรือเล่นเกมเล่นมือถือ กายภาพบำบัดก็ช่วยได้ ซึ่งคณะของเราก็สามารถรองรับอาชีพในอนาคตได้อย่างมั่นคงแน่นอน

 

เตรียมตัวสอบเข้าคณะกายภาพบำบัด

          การจะได้เข้ามาเป็นนักศึกษากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ต้องทำอย่างไร ก่อนอื่นเลยคือ ต้องจบสายวิทย์ - คณิต เกรดเฉลี่ยสาขากายภาพบำบัด 3.00 ขึ้นไป เกรดเฉลี่ยสาขากิจกรรมบำบัด 2.75 ขึ้นไป คะแนนที่ใช้สอบเข้ามาคือ รอบ 3 ใช้ GPAX, 7 วิชาสามัญ ส่วนรอบที่ 4 ใช้คะแนน GPAX, GAT/PAT, O-NETเมื่อเข้ามาเรียนแล้วไม่ต้องห่วงว่า จะปรับตัวได้ไหม เพราะว่าในปี 1 ก็จะมีการเรียนปูพื้นฐานให้ทุกคนมีความรู้พอ ๆ กันเพื่อที่จะต่อยอดในปีต่อ ๆ ไป

 

เคล็ดลับการเรียน

          เคล็ดลับการเรียนก็ต้องอ่านหนังสือบ่อย ๆ ถ้าเจอคำศัพท์ยาก ๆ เช่น คำศัพท์ด้านการแพทย์ ก็ต้องจดบ่อย ๆ ฝึกเขียนบ่อย ๆ จะได้จำได้ และถ้าเป็นเรื่องของเนื้อหา ก็ทำสรุป จดสรุปให้สั้น เวลาสอบกลับมาอ่านจะได้ง่ายขึ้น ส่วนการปฏิบัติการต้องเน้นการลงมือทำเยอะ ๆ เพื่อจะได้ชินและเพื่อทักษะสกิลมากขึ้น

 

พี่ชีต้า-เอกภูมิ ธรภาพพิศาล

 

พี่ไน๋จี้-ชัชชญา คงสุนทรกิจ


ทำไมถึงเลือกเรียนกายภาพบพบัด

พี่ชีต้า : เหตุผลที่เลือกเรียนที่นี่ ส่วนตัวชอบเรียนทางด้านการแพทย์ และในอนาคตของสังคมก็จะมีสังคมของผู้สูงอายุมากกขึ้น เลยคิดว่าการเรียนกายภาพบำบัดเหมาะสมกับตัวเองและในอนาคต 

พี่ไน๋จี้ : ส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างชอบช่วยเหลือผู้อื่น บางที่เราเห็นผู้สูงอายุ หรือคนที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ผิดปกติ ก็รู้สึกว่าอยากจะช่วยเหลือ และมีความชอบเรื่องทางการแพทย์ด้วย

    

          สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจการเรียนคณะกายภาพบำบัด พวกพี่ก็อยากแนะนำให้ พยายามสอบให้ได้ในรอบที่ 3 เพราะรอบที่ 4 แข่งขันกันสูงมาก ถ้าเราสอบเข้าได้ก่อนก็จะสบาย และพยายามอ่านหนังสือไว้แต่เนิ่น ๆ มีสมาธิ โฟกัสกับสิ่งที่กำลังอ่าน น้อง ๆ ที่สนใจเข้าคณะกายภาพบำบัด พวกพี่ก็ขอให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้ ได้คะแนนดี อย่างที่น้อง ๆ ตั้งใจไว้ พี่ ๆ รอน้อง ๆ อยู่แล้วเจอกันนะ    

 

ค่าเทอม

หลักสูตร 4 ปี 120,000 บาท

 

ข้อมูลหลักสูตร

หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต 

สาขาวิชากายภาพบำบัด
http://www.pt.mahidol.ac.th/th/course/bsc_pt.php

สาขาวิชากิจกรรมบำบัด
http://www.pt.mahidol.ac.th/th/prospective_course/ot/bsc_ot.php 


รู้จักอาชีพแบบเจาะลึกจาก Plook explorer นักกายภาพบำบัด >> Click
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow