ทำไงดีล่ะ อยากให้ลูกเราเก่งอังกฤษจัง
นั่นสิ ต้องหาที่เรียนพิเศษอีกมั้ย
ลูกเรายังพัฒนาคะแนนภาษาอังกฤษไม่ดีขึ้นเลย เอาไงดี
มีที่ไหนดี ๆ ติวภาษาอังกฤษให้ลูกได้บ้าง
ฯลฯ หลากหลายคำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษของลูกหลานเรา
โดยธรรมชาติของมนุษย์เราไม่ชอบการถูกบังคับ การจำใจหรือจำยอมต้องทำ การต้องทำตามคำสั่งตลอดเวลา หรือการไม่อยากทำเพราะใจไม่สั่ง ฯลฯ จึงอาจทำให้เกิดการต่อต้านที่จะไม่ทำ หรือเกิดการฝืนใจต้องทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกและไม่เกิดผลดีต่อผู้ใด
แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามี “ใจรัก” ที่จะทำ ต่อให้งานนั้นยากลำบากเพียงใด หากใจสั่งซะอย่าง เรื่องอื่น ๆ ชิดซ้ายไปได้เลย ... รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ... บังเกิดผลสมฤทธิ์แน่นอนค่ะ
เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่บางคนคิด ฉะนั้นจงสร้างความคิดเชิงบวกในการเรียนรู้ภาษา คนที่มีความรู้ความสามารถทางภาษาจะได้กำไรชีวิตมากมาย และมีทางเลือกมากขึ้นในการประกอบอาชีพ เพราะปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาสากลที่ใช้กันเกือบทั่วโลก เป็นกำไรชีวิตอีกหนึ่งอย่างที่ลูกหลานเราควรได้เรียนรู้ไว้แบบใช้งานได้
ฉะนั้นการปลูกความรัก ความถนัดภาษาอังกฤษให้ลูกหลานเรา จึงใช้เทคนิคใกล้ตัวได้โดยคุณพ่อคุณแม่และคุณผู้ปกครองเป็นผู้ชักใยถักทอความรักนี้ให้เกิดขึ้นในตัวลูกหลานได้โดยไม่ยาก เพียงแค่ลงมือทำด้วยกันค่ะ
ฝึกลูกให้มีพัฒนาการการคิดและการถ่ายทอดทักษะทางภาษา โดยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เหมาะสมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เมื่อลูกชอบและรัก ลูกจะสานต่อได้เองค่ะ ไม่ต้องให้เด็กท่องคำศัพท์แบบเอาเป็นเอาตาย ท่องได้ก็ลืมได้ เอาเป็นว่าทำแบบให้จำได้เอง ลึกเข้าสมองไปเลย หากจำได้แบบนี้ไม่มีวันลืมค่ะ ให้ลูกได้เรียนรู้ตามธรรมชาติโดยเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เพื่อฝึกทักษะการฟัง คิด อ่าน เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ผิดก็ไม่เป็นไร ขอให้เรียนรู้และกล้าแสดงออก ผิดก็แก้ไข ถูกก็จำใส่ใจ
การอ่านเป็นขุมพลังการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เริ่มจากการอ่านเรื่องง่าย ๆ สนุก ๆ มีสาระแล้วค่อยพัฒนาระดับการอ่านไปเรื่อย ๆ ลูกอ่านแล้วสรุปเนื้อหาสาระเล่าให้คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องได้ฟัง เพื่อสนับสนุนให้เด็กกล้าแสดงออกทางภาษา และสามารถใช้ภาษาได้ด้วยตัวเอง เป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นการสานใยความรักความผูกพันในครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง
ในกรณีที่มีคำยากซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ถนัดในการออกเสียง สมัยนี้เราก็มีการอ่านออกเสียงคำศัพท์ให้ฟังและให้คำแปลทางอินเทอร์เน็ต เช่น https://howjsay.com และอีกมากมายหลายเว็บไซต์ แนะนำให้ลูกเดี๋ยวลูกก็ไปโลด เด็กสมัยนี้เก่งเรื่องออนไลน์ค่ะ แค่แนะนำให้ถูกทางเท่านั้น
แรก ๆ ลูกอาจฟังถ้อยคำในรายการวิทยุหรือสื่ออื่น ๆ ไม่ถนัดชัดเจน หรือฟังชัดแต่ไม่เข้าใจความหมาย คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นตัวช่วย หรือหากไม่สะดวกก็ฟังไปเรื่อย ๆ ก่อน ให้คุ้นหูกับสำเนียงเสียงพูด ต่อไปก็จะชัดเจนในถ้อยคำ และเรียนรู้ต่อไปได้ในเรื่องความหมาย ซึ่งทำให้คุณลูกคุณพ่อคุณแม่สนุกกับทักษะการฟังร่วมกันค่ะ เราอาจเปิดฟังรายการต่าง ๆไปเรื่อย ๆ ให้เสียงเป็นเพื่อนและทำกิจกรรมอื่นคู่กันไปได้ค่ะ
การดูภาพยนตร์ออนไลน์ภาคภาษาอังกฤษหรือการเล่นเกมที่มีประโยชน์และเนื้อหาสาระดี ๆ ก็เป็น “Edutainment” อีกแบบหนึ่งที่ได้ทั้งความรู้ในเนื้อหา ความรู้ทางภาษา และความบันเทิงคู่กันไป ... ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว และเล่นกันได้ทั้งครอบครัวเลยค่ะ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเพลงเป็น “Edutainment” เช่นกัน ทำให้ลูกได้เรียนรู้ภาษาด้วยความสุขจากเสียงเพลง รู้วัฒนธรรม ความเป็นมาเป็นไปของเนื้อเพลง และความหมายจริงหรือความหมายระหว่างบรรทัดที่แฝงอยู่ในเนื้อเพลง ซึ่งอาจไม่มีในบทเรียนในห้องเรียนก็ได้
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ลูกทำหรือชวนลูกทำไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาอังกฤษเสมอไป แต่ควรประลองปัญญากันด้วยการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร หรือลูกอาจทำกิจกรรมในกลุ่มเพื่อน โดยเชิญเพื่อน ๆ ที่สนิทกันและสนใจภาษาอังกฤษเหมือนกัน มาที่บ้านเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฝึกทำอาหาร ฯลฯ แล้วรับประทานอาหารหรือขนมอร่อย ๆ เพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ รักษาระยะห่างทางสังคม และใส่แมสก์เพื่อความปลอดภัยในสถานการณ์ยุคโควิด รับรองได้ว่าสนุกและเพลิดเพลินมาก
ปัจจุบันนี้หลาย ๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับกิจกรรมภาษาอังกฤษมากมาย ในรูปแบบ Play & Learn สร้างบรรยากาศ จัดสถานที่ สื่อประกอบ ทั้งภาพ เสียง ดนตรี และกิจกรรมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยเน้นความสนุกเป็นหัวใจหลัก มีสาระเฮฮา ร้องเล่นเต้นระบำ และกระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วม กล้าแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ ทั้งต่อผู้นำกิจกรรมและผู้ร่วมกิจกรรมด้วยกัน โดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งหมด
การใช้ความสนุกสนานเป็นกุญแจเปิดประตูหัวใจให้เด็ก ๆ ยอมรับ คุ้นเคย และกลมกลืนไปกับการใช้ภาษาโดยไม่ต้องมีคะแนน มีการสอบ มีครู มีความกดดัน มาเป็นตัวสร้างความเครียดในการเรียนรู้ แน่นอนว่าหัวใจเปิดสมองย่อมเปิดตาม หากทัศนคติที่มีต่อภาษาดี เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับภาษาจะตามมาอย่างแน่นอน โดยรูปแบบกิจกรรมที่ทั้งแบบระยะสั้น ใช้เวลาเรียนรู้ในวันหยุด ครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง ครึ่งวัน เต็มวัน หรือค้างคืนแบบเป็นชาวค่าย English Camp ซึ่งมีค่ายที่เหมาะกับเด็กตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโต ลองไปสักครั้งรับรองว่าจะติดใจกันทั้งครอบครัว
เทคนิคเหล่านี้สามารถทำได้ที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเสียเงิน คุณลูกไม่โดนแรงกดดันให้ต้องฝืนใจทำ และยังมีองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกจดจำได้โดยไม่ลืมเลือน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นนะคะ “การปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลาเช่นใด การปลูกปัญญาก็เป็นไปเช่นนั้น” การพัฒนาเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา ค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อได้เวลาบ่มเพาะจนได้ที่แล้ว ผลสัมฤทธิ์ที่บังเกิดจะเป็นเรื่องน่าพึงพอใจอย่างยิ่งค่ะ.
ทำดู รู้เองค่ะ
ณัณท์
ข้อมูลอ้างอิง แนวทางการสอนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language) https://www.youngciety.com/article/journal/whole-language.html