Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เทคนิคเก็บเงินไปลงทุนไม่ให้ช็อต ฉบับคนงบน้อยแบบไม่ทรมานตัวเอง

Posted By Plook Magazine | 10 ธ.ค. 64
5,670 Views

  Favorite

การลงทุนในปัจจุบันสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท แต่ถึงจะแค่ 1 บาทก็ต้องเป็น 1 บาทที่เราพร้อมจะเสี่ยงเสียมันไปนะคะ ซึ่งหากใครอยากเก็บเงินไปลงทุน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ด้วยว่าเราควรจะนำเงินส่วนไหนมาลงทุนจะได้ไม่เดือดร้อนทีหลัง เพราะการลงทุนมันมีความเสี่ยง เงินนั้นจะต้องไม่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และจะต้องเป็นเงินที่แยกออกมาจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ไปดูกันว่าเราควรจะเอาเงินส่วนไหนมาลงทุนดี ? แล้วจะเก็บเงินมาลงทุนยังไงสำหรับคนเงินน้อย

 

หมายเหตุ: บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำให้ลงทุนแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

ทำไมต้องลงทุนด้วยเงินเย็น 

Cr.freepik

 

เงินเย็นไม่ใช่ว่าเงินที่แช่ในตู้เย็นหรอกนะคะ เงินเย็นหมายถึงเงินที่ไม่ร้อน (ยังจะเล่นมุกอีก) ตามที่เว็บไซต์ด้านการเงินชื่อดัง aomMONEY ได้บอกเอาไว้ว่า เงินเย็นคือเงินที่เราสามารถนำมันวางเฉย ๆ ได้ โดยไม่มีแผนที่จะใช้มันเลยเป็นปี ๆ เงินส่วนนี้คือเงินที่เหมาะที่จะนำไปลงทุนให้เงินงอกเงย สามารถนำไปทำประโยชน์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการออมหุ้น ซื้อกองทุน หรือจะลงทุนในทางเลือกอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เนื่องจากการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง การลงทุนไม่ใช่การเก็บเงิน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรมาการันตีเราได้เลยว่า ‘เงิน’ ที่เราลงทุนไปนั้นจะไม่ขาดทุน และจะอยู่ครบตามจำนวนที่ลงทุนไปทุกบาททุกสตางค์ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เงินที่เราจะเอามาลงทุนนั้นต้องเป็นเงินที่เราไม่จำเป็นต้องใช้จ่าย เพราะถ้าหากเราขาดทุนขึ้นมา เราก็จะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในสิ่งที่มันจำเป็นกว่า

 

ยกตัวอย่างเช่น เราได้เงินเป็นของขวัญวันเกิดจากลุง 100 บาท เราคิดว่าจะเก็บไปลงทุน แต่บังเอิญเราติดหนี้เพื่อนอยู่ 100 บาท ถ้าเราเอาเงินทั้งหมดไปลงทุนแล้วทำเนียนไม่จ่ายหนี้เพื่อน พอเพื่อนมาทวงปุ๊บเราคิดว่าจะไปถอนเงินที่ลงทุนไว้มาใช้หนี้เพื่อน แต่ปรากฏว่าเงินที่ลงทุนไปขาดทุนหนักจากที่ลงทุนไป 100 บาท เหลืออยู่ 5 บาทถ้วน ทำให้ไม่มีเงินมาใช้หนี้เพื่อนแถมยังต้องไปยืมเงินเพื่อนอีกคนมาใช้หนี้เพื่อนคนนี้อีก เพราะพลาดไปเอาเงินที่ต้องใช้หนี้มาลงทุน 

 

ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือ เอาเงินครึ่งหนึ่งที่ได้จากที่ผู้ปกครองให้ในแต่ละเดือนไปลงทุน แล้วค่อยเอากำไรที่ได้มาใช้จ่าย แบบนี้ก็ต้องระวังนะคะ หลักการของเคสนี้คือได้เงินจากพ่อแม่เดือนละ 5,000 บาท แล้วเอาไปลงทุนครึ่งหนึ่งก็คือ 2,500 บาท คิดกำไรเนาะ ๆ วันละ 1% ก็จะทำกำไรได้วันละ 25 บาท เดือนหนึ่งจะได้ 775 บาท รวม ๆ แล้วจะมีเงินเพิ่มเดือนละตั้ง 775 บาทแหนะ แต่เราลืมคิดไปว่าถ้ากองทุนหรือหุ้นที่เราลงทุนไปมันไม่บวก 1% ทุกวันล่ะ ? ถ้ามันขาดทุนยาว ๆ ไปล่ะ ? แบบนี้เราจะเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกิน ใช้จ่ายเวลาไปโรงเรียน... ก็ช็อตเลยซิทีนี้ 

 

 

แล้วเราจะเอาเงินส่วนไหนมาลงทุนดี ? 

Cr.freepik/benzoix

 

เงินร้อน : เงินที่ต้องใช้จ่ายสำหรับชีวิตประจำวัน เช่น ค่ารถ ค่าอาหารต่อเดือน เงินค่าหอ เงินใช้หนี้ เงินออมเผื่อฉุกเฉิน เงินส่วนนี้ไม่ควรนำไปลงทุน 


เงินเย็น : เงินเหลือเก็บสะสมไว้ไม่ได้ใช้อะไร เป็นเงินของเราจริง ๆ ไม่มีภาระต้องคืนใคร ไม่มีภาระต้องเอาไปจ่ายค่าอะไร วางไว้เฉย ๆ หายไปก็ใช้ชีวิตได้ไม่เดือดร้อน (แค่เสียดายมาก ๆ) เงินส่วนนี้คือเงินที่เหมาะจะนำไปลงทุน

 

 

ออมแบบไหน ให้ได้เงินเย็นมาลงทุนสำหรับคนงบน้อย

Cr.freepik/frimufilms

 

เก็บแบงค์ 20 ทุกวัน

หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินเทคนิคอย่างการเก็บแบงค์ 20 กันมาบ้าง เทคนิคนี้ถือได้ว่าเป็นอีกเทคนิคที่ทำได้ง่าย ถ้าเราเก็บแบงค์ 20 บาททุกวันเป็นเวลา 1 เดือน เราจะเก็บเงินได้เดือนละ 600 บาท ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการซื้อกองทุนขั้นต่ำของหลาย ๆ กองทุน (กองทุนที่ลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท) แต่หากใครคิดว่ามันยากไปก็ให้ลองกำหนดเลขนำโชคขึ้นมาสัก 1 ตัวเลข ถ้าเมื่อไหร่เจอแบงค์ 20 ที่ลงท้ายด้วยเลขนำโชคของเราก็เก็บหมดห้ามใช้  

 

 

Cr.freepik

 

เลือกเก็บเหรียญ 

เวลากลับมาจากโรงเรียน เข้าบ้านแล้วเรียบร้อยให้เราเอาเหรียญที่เหลือในแต่ละวันมาเช็กดู บางคนอาจเลือกเก็บเหรียญ 5 บาท หรือเหรียญ 10 บาทก็ได้ค่ะ แล้วหยอดเหรียญ 5 หรือเหรียญ 10 ใส่กระปุกเอาไว้ เก็บรวบรวมไว้ทุกวันเป็นประจำให้กลายเป็นนิสัย แล้วนำเงินที่เก็บได้ในแต่ละเดือนไปลงทุนในเดือนถัดไปได้เลย

 

 

Cr.freepik

 

เก็บเงินตามวัน

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็ฮิตมาก ๆ ในโซเชียลมีเดีย นั่นก็คือวิธีการเก็บเงินตามวันที่ไล่เรียงตั้งแต่วันที่ 1-30 เพิ่มขึ้นวันละบาท เช่น วันที่ 1 หยอด 1 บาท วันที่ 2 หยอด 2 บาท ไปจนถึงวันที่ 30 เราจะได้เงินลงทุนทั้งหมด 465 บาท ซึ่งแน่นอนว่า 465 บาทก็เพียงพอต่อการซื้อกองทุนขั้นต่ำของบางกองทุนได้แล้ว

 

 

Cr.freepik

 

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์  

วิธีนี้จะได้ผลดีสำหรับสายกินเก่งและช้อปปิ้งบ่อย บางคนจะสั่งน้ำหวานหรือขนมหวานทุกวันใช่ไหมคะ ? วิธีเก็บเงินมาลงทุนง่าย ๆ ก็คือให้เรางดซื้อน้ำหวานวันละแก้วหรือลดการซื้อให้น้อยลง สมมติว่าน้ำหวานแก้วละ 25 บาท เราไม่กินเลย 30 วัน เราก็จะเก็บเงินไปลงทุนได้ทั้งหมด 750 บาท ซึ่งเพียงพอต่อการซื้อกองทุนขั้นต่ำบางกองทุน แค่ต้องสะกดจิตตัวเองให้อดทนต่อความอยากกินให้ได้ หรือบางคนเป็นสายช้อปปิ้งก็อาจจะต้องลดการ CF ไว โอนเร็วลงบ้าง แต่วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับบางคน อย่างไรก็อยากให้ลองปรับใช้ดูและหาวิธีออมเงินเพื่อลงทุนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองดู

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

• คุณเป็นคนที่มีความฉลาดทางการเงินพอหรือเปล่า ?

• รวม ‘กองทุนรวม’ สำหรับคนงบน้อย เริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท

• เทคนิคเก็บเงินสำหรับวัยรุ่นวัยเรียน เป๋าตังค์ตุงได้แบบไม่ต้องอด

• ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม อยากขอทุนเพื่อส่งตัวเองเรียนต้องทำยังไง ?

• รวมงาน Part Time เงินดี อายุ 16 ปีก็ทำได้

• รวมไอเดียเก็บเงินที่วัยรุ่นวัยเรียนทำได้จริง ไม่ยากเลย !

• รู้เท่าทันภัยทางการเงินที่อาจทำให้เราหมดตัวได้ !

• เพราะชีวิตต้องใช้เงิน การลงทุนตั้งแต่วัยรุ่นจึงสำคัญ

• เทคนิคการเก็บเงิน ตามแบบฉบับคนที่จนที่สุดในโลก

• รวมความรู้ทางการเงินที่วัยรุ่นควรรู้ก่อนเรียนจบ #อายุน้อยก็รวยได้

• The Psychology of Money จิตวิทยาการเงินที่จะทำให้เรามั่งคั่งร่ำรวย !

• นิสัยชอบช้อปปิ้งออนไลน์แบบไหนที่ทำให้เราจนไม่รู้ตัว

• #ของมันต้องมี หรือเสพติดการช้อปปิ้ง รู้ให้ทันโรค Shopaholic

 

 

แหล่งข้อมูล

- 10 วิธีเก็บเงินวัยเรียน มัธยม ง่ายๆ อายุน้อยก็รวยได้

- ภารกิจเงินร้อน-เงินเย็น 

 

 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow