เป็นความจริงที่ว่าสภาพแวดล้อมที่มี ‘ผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดี’ จะทำให้วัยรุ่นเติบโตมามีทักษะทางสมอง EF สูง คือเป็นคนที่จะมีความเก่งและเป็นคนดีที่สังคมโลกต้องการ เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยหนึ่งของช่วงชีวิตที่จะมีความสับสนทางจิตใจสูงเพราะเป็นวัยที่ต้องการค้นหาตัวตนของตัวเองและต้องการเข้าใจตัวเองว่า ‘ฉันเป็นใคร’ ‘ฉันมีความสามารถ’ และ ‘มีคุณค่าไหม’ ต่อคนในครอบครัว ต่อสังคม และต่อโลกใบนี้
อุปสรรคที่จะทำให้วัยรุ่นพัฒนาตัวเองไปในทางที่ถูกหรือว่าผิดนั้นมาจากวุฒิภาวะและการควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่เต็มที่ เนื่องจากสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่ควบคุมเหตุและผลยังพัฒนาไม่เต็มที่เท่าผู้ใหญ่ ดังนั้นวัยรุ่นจึงต้องการตัวอย่างที่ดีให้เขาได้เรียบรู้ และสะท้อนสิ่งที่เขายังทำได้ไม่ดีเพื่อให้เขาได้ปรับปรุงตัวเองและพร้อมที่จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบและเป็นคนน่ารัก
Giacomo Rizzolatti และ Laila Craighero นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปาร์มาได้ค้นพบเซลล์กระจกเงา (The Mirror-Neuron System) ในบริเวณของสมองส่วนหน้าที่เรียกว่า Prefrontal Cortex ด้วยเครื่องตรวจสนามแม่เหล็ก MRI เซลล์กระจกเงานี้ทำหน้าที่สะท้อนการได้ยิน ได้เห็นการกระทำของผู้อื่นราวกับว่าตัวเองเป็นผู้กระทำ ทำให้สามารถเรียนรู้ผ่านการเห็น การได้ยิน เกิดการเลียนแบบ เกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมราวกับเป็นคนทำเอง ทำให้เกิดการเรียนรู้และมีแนวโน้มที่จะตอบสนองเหมือน ๆ กัน ซึ่งเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ หรือ ‘ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่’ หมายความว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนยังไง เด็กก็มีแนวโน้มที่จะลอกเลียนแบบนิสัยบางอย่างไปโดยอัตโนมัติ
เราจะโตเป็นคนแบบที่พ่อแม่เราเป็น มากกว่าแบบที่เขาพร่ำสอนให้เราเป็น
เซลล์กระจกเงาทำงานอัตโนมัติโดยไม่มีการคัดกรอง ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมการเลียนแบบกันโดยไม่ตั้งใจ เพราะคนเราเรียนรู้จากผู้อื่นผ่านการเลียนแบบมากกว่าการถูกสั่งสอนที่จะได้ผลเพียงเบาบางเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ทำเวลาโมโห ลูกก็จะทำแบบนั้นเวลาโมโห พ่อนั่งดูฟุตบอลยันเช้าแต่กลับบอกให้ลูกอ่านหนังสือให้มากขึ้น แม่สอนให้ลูกเคารพความคิดเห็นคนอื่นแต่ตัวเองกลับไม่เคยรับฟังความคิดเห็นลูก พี่ชายสูบบุหรี่และบอกเราว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ทุกการกระทำของพ่อแม่ คนในครอบครัว ครู ผู้ใหญ่ในสังคมอยู่ในสายตาของเด็กผ่านการทำงานของเซลล์กระจกเงา ซึ่งการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีตัวอย่างที่ไม่ดีและขัดแย้งกับคำสั่งสอนถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคำพูด และทำให้วัยรุ่นตกอยู่ภายใต้ภาวะเสี่ยงที่จะทำพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งพร้อมจะหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนประเภทเดียวกันหรือกลายเป็นคนโกหกในที่สุด
การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดก็คือต้องให้คนในครอบครัวปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นจนไม่ทำอีก แต่จะทำยังไงถ้าคนในครอบครัวไม่สนใจจะปรับตัวเองเลย และยังคงทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้เราเห็นอยู่ หรือบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเรารับเอาพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างจากเขามาแล้ว ปัญหาพฤติกรรมบางอย่างมักเกิดขึ้นมานานจนทำให้การแก้ไขมักทำได้ยาก ดังนั้นการป้องกันปัญหาจึงมีความจำเป็นและสำคัญมากกว่าการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
คีย์เวิร์ดของการป้องกันพฤติกรรมที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เราเห็นจากสังคมหรือคนในครอบครัวก็คือ การมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะคนที่มีสุขภาพจิตดีจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข เรียนรู้ได้เต็มที่ตามศักยภาพที่มี ดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ไม่เกิดอาการทางจิตเวช หรือโรคทางจิตเวชได้ง่าย ถึงแม้ชีวิตจะเผชิญปัญหามากก็สามารถปรับตัวและแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
มีสติ
ท่องเอาไว้ว่าเราไม่ใช่คนอย่างที่พ่อแม่เราเป็นหรือเป็นอย่างที่เขาพูด ไม่เอาคุณค่าของตัวเองไปผูกไว้กับคำพูดของคนอื่น ในบางครั้งคนที่ทำตามที่พูดไม่ได้เขาอาจมีเจตนาดีที่ไม่อยากให้เราทำตามเขา แต่เขาอาจเลิกพฤติกรรมนั้นยังไม่ได้ เราต้องมีสติแยกแยะรู้ให้ได้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี โดยเอาเป้าหมายในชีวิตเป็นที่ตั้ง
เรียนรู้ด้วยตัวเอง
วัยรุ่นจะเป็นวัยที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งในบางครั้งครูหรือพ่อแม่ก็อาจไม่สามารถสอนความรู้ให้ได้ทุกเรื่อง ในอนาคตการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-learning) เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะป้องกันไม่ให้เราหลงไปเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี รวมถึงการรู้จักเลือกแหล่งข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สร้างสิ่งใหม่จากสิ่งที่ได้เรียนรู้มา การตกตะกอนทางความคิดเพื่อเลือก model แบบอย่างในชีวิตที่ดีให้ตัวเอง
ค้นหาตัวตนของตัวเอง
สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เรากลายไปเป็นคนที่เราเกลียดหรือว่าไม่ชอบก็คือ การรู้จักตัวเองให้ไวว่าเราเป็นคนยังไง มีความชอบความถนัดอะไรบ้าง มีจุดเด่นจุดด้อยอะไร อยากเรียนทางไหน อยากทำอาชีพใด ทำอะไรแล้วมีความสุข รวมถึงเอกลักษณ์ทางเพศด้วย ตัวตนของเราจะได้แข็งแกร่งและไม่ถูกทำลายได้ง่าย ๆ จากคนอื่นเพราะเรารู้ว่าเราเป็นใคร
ทำงานร่วมกับคนอื่น
เมื่อเราได้ลองทำงานกับคนที่หลากหลายทั้งอายุเท่ากันหรือมากกว่า เราจะมีทักษะการสื่อสารเจรจาที่มีประสิทธิภาพ ได้เรียนรู้ผู้คนจากการทำงานร่วมกัน แล้วเราจะเห็นว่าเราทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีไหม คนอื่นเห็นอะไรในตัวเราบ้าง และที่จริงแล้วเราเข้ากับคนอื่นได้ดีไหม รวมถึงการได้ออกไปเห็นทั้งคนที่ดีและไม่ดีในสังคมอีกมาก แบบอย่างที่ดีเพียงแบบเดียวอาจส่งผลให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการรักษาตัวตนให้เป็นคนที่น่านับถือต่อไปได้
มีกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข
มีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสุข สนุกกับการใช้ชีวิต เพื่อนคนไหนที่รักเรา รับฟังเรา เพราะเมื่อทำกิจกรรมอะไรแล้วเกิดความสุขก็จะเกิดแรงจูงใจที่จะอยากทำอีก คนที่มีวงจรความสุขมักจะไม่เข้าหายาเสพติด แอลกอฮอล์ บุหรี่ การลักขโมย ทำร้ายผู้อื่น หรือทำอะไรที่จะส่งผลเสียต่อตัวเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
• 6 วิธีพัฒนาทักษะสมอง EF ในวัยรุ่นให้เก่งและดี เอาตัวรอดได้
• พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน เมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ "คนโปรด" ของพ่อแม่
• พ่อแม่ชอบด่า ไม่ค่อยให้กำลังใจ...จะทำยังไงดีเมื่อครอบครัวบั่นทอนจิตใจเรา
• เมื่อพ่อแม่จะหย่ากัน คนเป็นลูกควรทำยังไง
• 4 ทักษะสำคัญที่จะช่วยพัฒนา ‘ความฉลาดทางอารมณ์’
• เปลี่ยนจากคนที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นคนที่รักตัวเอง
• 9 วิธีเพิ่มความเข้มแข็งให้ตัวเอง ไม่หวั่นไหวแม้เจอเรื่องยาก ๆ
• ‘AQ’ ทักษะจำเป็นในวันที่โลกหมุนเร็วจนตามไม่ทัน
• Toxic Positivity อีกด้านของการคิดบวกที่พร้อมเฆียนตีเรา
• รักตัวเองให้มากขึ้นด้วย 'Self-Care' เทรนด์ใหม่ของการดูแลตัวเอง
• เด็กสมัยนี้ มันทำไม ? เคล็ดลับการคุยกับคนต่างวัยให้เข้าใจกันมากขึ้น
• Emotional Agility ทักษะการจัดการอารมณ์ให้สมดุลจากนักจิตวิทยา
• เคล็ดลับที่จะทำให้เราเก่งขึ้น 1% ทุกวัน
• ค้นหาตัวเองอย่างมีความสุขไปพร้อมกันกับ 'Self Concept'
แหล่งข้อมูล
- คู่มือ พัฒนาทักษะสมอง EF ในเด็กวัย 13-18 ปี สำหรับพ่อแม่และครู
- ปัญหาพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ (Imitation Behavior)