ทารกแรกเกิดมักต้องกินนมเป็นอาหารหลัก ซึ่งโดยปกติแล้วหากทารกได้ดูดนมจากเต้าของแม่ เขาจะสามารถหยุดเองเมื่อรู้สึกอิ่มได้ แต่บางครั้งคุณแม่ก็ไม่สามารถให้ทารกดูดนมจากเต้าได้เสมอไป จึงอาจต้องปั๊มนมใส่ขวดให้ทารกดูด จึงอาจทำให้เกิดภาวะ Overfeeding ซึ่งเกิดจากการดูดนมมากจนเกินไปได้

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทารกเกิดภาวะ overfeeding

ภาวะ Overfeeding  ทำให้เกิดอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารของทารก เนื่องจากทารกนั้นร่างกายยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ หากทารกดูดนมมากเกินไป จะทำให้เขารู้สึกไม่สบายท้อง เกิดอาการท้องอืด บางคนอาจมีอาการถ่ายเหลวรวมด้วย จึงทำให้ทารกร้องไห้งอแงบ่อยครั้ง สร้างความไม่สบายใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้

วิธีสังเกตว่าลูกอยู่ในภาวะ Overfeeding หรือเปล่า

ลองสังเกตดูว่าทารกมีอาการแหวะนมมากกว่าปกติหรือไม่ ร้องไห้งอแง ถ่ายเหลว หรือบิดตัวบ่อยๆ หรือเปล่า หากมีอาการดังนี้ก็เป็นไปได้ว่าลูกเกิดอาการoverfeedingค่ะ
 

จะป้องกันภาวะ overfeeding ได้ยังไง

1.  คุณแม่พยายามให้ลูกดูดนมจากเต้าให้มากที่สุด เพราะทารกดูดนมจากขวดได้รวดเร็วกว่าดูดนมจากเต้า อาจทำให้ได้ปริมาณของน้ำนมที่มากเกินไป นอกจากนี้เด็กที่ดื่มนมผงอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Overfeeding มากกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ เพราะลำไส้ของเขาสามารถดูดซึมนมแม่เพื่อนำไปใช้ได้มากกว่านมชนิดอื่น 

2. ให้ทารกดูดนมในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งปริมาณของนมที่เหมาะสมสำหรับทารกแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป โดยทารกที่ดูดนมแม่นั้นมักต้องการดูดนมทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ส่วนทารกที่ดูดนมจากขวด มักดูดนมในปริมาณ 60-90 มิลลิลิตรทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง

3. สังเกตอาการของทารกเวลาป้อนนม หากเขาแสดงอาการว่ารู้สึกอิ่ม ฉันเบื่อหน้าหนีหรือปัดขวดนม ก็ให้หยุดป้อนนมทันที 

4. คุณแม่ควรดูแลสุขภาพจิตตัวเองให้ดี เพราะบางทีภาวะ Overfeeding ก็เกิดจากสุขภาพจิตของคุณแม่ เช่นคุณแม่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จนทำให้เกิดอาการหลงลืมบ่อยและย้ำคิดย้ำทำ ส่งผลให้ป้อนนมทารกบ่อยเกินไปก็เป็นได้

คุณแม่ทุกคนย่อมคาดหวังให้ทารกเติบโตเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง การให้ลูกรักดูดนมในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ลองสังเกตและให้ลูกได้ดูดนมในปริมาณที่พอดีต่อเขา และคอยระวังภาวะ Overfeeding ก็จะช่วยให้ทารกมีสุขภาพที่ดีได้ค่ะ