- เป็นกริยาที่แปลว่า “ได้ยิน” และเป็นกริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ
- เป็นการได้ยินเสียงแบบที่เราไม่ได้ตั้งใจก็ได้ยิน หรือไม่ต้องพยายาม (make an effort) ตั้งใจฟังก็ได้ยินเอง ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสของคนเรา ที่จะได้ยินเสียง
- ในหลาย ๆ ครั้ง เสียงที่ได้ยินมักเป็นเสียงดังตามธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น noise (เสียงดัง), an alarm (เสียงเตือน), an explosion (เสียงระเบิด), a thunder (เสียงฟ้าผ่า)
Ex. Did you hear the thunder last night?
(เธอได้ยินเสียงฟ้าผ่าเมื่อคืนหรือเปล่า?)
Ex. I can’t hear you. Can you speak louder?
(ไม่ได้ยินเธอพูดเลย ช่วยพูดดังอีกนิดได้ไหม)
Ex. I heard a strange noise outside.
(ฉันได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากข้างนอก)
*heard เป็นกริยาช่องสองของ hear
Ex. I’ve heard that song before.
(ฉันเคยได้ยินเพลงนั้นมาก่อน)
- เป็นกริยาที่แปลว่า “ฟัง”
- เป็นการได้ยินแบบที่ต้องตั้งใจฟัง มีสมาธิฟัง (Focused) ไม่ใช่แค่เพราะได้ยินเสียงทั่วไป
- รูปประโยคที่ใช้เวลาฟังอะไร จะใช้ Listen to + something โดยที่ listen เป็นกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับเสมอ
Ex. I really love listening to music.
(ฉันชอบฟังเพลงมาก)
*ตั้งใจฟังเพลง แต่ถ้าจะใช้ว่าได้ยินเพลงนั้น มักใช้ Hear the song. (ได้ยินเพลง)
Ex. Are you listening to me?
(เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย)
Ex. A doctor can listen to your heartbeat.
(หมอฟังเสียงหัวใจคุณได้)
Ex. You haven’t listened to a word I’ve just said!
(เธอไม่ได้ฟังฉันพูดสักคำเลย!)
เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ลองอ่านสองประโยคนี้ แล้วจะเห็นถึงความแตกต่างของ listen และ hear ชัดเจนขึ้น
ประโยคที่ 1 : You can hear somebody talking but you need to listen to them to understand what they are saying. (คุณได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูด แต่คุณต้องตั้งใจฟังถึงจะเข้าใจว่าเขาพูดอะไร)
ประโยคที่ 2 : He cannot hear you because he is listening to loud music. (เขาไม่ได้ยินที่เธอพูดหรอกเพราะว่าเขาฟังเพลงดังมากอยู่)
เรียบเรียงโดย เบญจมาภรณ์ บุนนาค