ในอะโวคาโด 100 กรัม เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด ได้แก่ วิตามินเค 26% วิตามินซี 17% วิตามิน B5 14% วิตามิน B6 13% วิตามินอี 10% โพแทสเซียม 14% และโฟเลต 20% นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียม แมงกานีส ทองแดง เหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามิน B2 วิตามิน B3 อีกเล็กน้อยด้วย
วิธีการรับประทานอะโวคาโด อาจจะฝานเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ สีเหลืองเขียววางไว้บนสลัด หรืออาจจะหั่นรวมไปในข้าวห่อแบบญี่ปุ่น หรืออาจจะบดให้เละทำเป็นซอสใส่เบอริโต้ อะโวคาโดทำให้เมนูอาหารเหล่านี้ล้วนดีต่อใจ คุ้มค่าอ้วนแทบทั้งสิ้น ก่อนที่อะโวคาโดจะเริ่มเป็นที่นิยมในเอเชียรวมถึงไทยเอง มันเป็นผลิตผลทางการเกษตรยอดฮิตในทวีปอเมริกามาก่อน ข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกมาสหรัฐอเมริกาก็ง่ายดาย ในปี 2014 เพียงปีเดียวสหรัฐอเมริกาบริโภคอะโวคาโดไปถึง 4 พันล้านลูก ที่น่าทึ่งก็คือจริง ๆ แล้ว อะโวคาโดไม่ควรจะยังมีอยู่ในปัจจุบันแล้วด้วยซ้ำ เนื่องจากความสัมพันธ์อันแนบแน่นของมันกับสัตว์ในพื้นที่บ้านเกิด สัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่าง Giant Slot สล็อตยักษ์หรือ Armadillos ตัวนิ่มยักษ์ที่มีขนาดใหญ่เท่ารถและหนักกว่าสามตันในยุคนั้นล้วนกินอะโวคาโดเป็นอาหารหลัก เพราะว่ามันให้สารอาหารที่ครบถ้วน รวมถึงพลังงานในรูปของไขมันอย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น
เมล็ดของอะโวคาโดมีความสามารถในการรอดพ้นจากการย่อยของสัตว์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้และแพร่กระจายไปทั่วทวีป แต่เมื่อสัตว์ใหญ่เหล่านี้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 13,000 ปีก่อน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ อะโวคาโดก็ไม่ได้รับการแพร่กระจายพันธุ์อีกต่อไป เรื่องราวควรจะจบแบบเศร้า ๆ ในตอนนี้ แต่การสูญพันธุ์ของสัตว์ใหญ่ซึ่งมีส่วนช่วยให้อะโวคาโดแพร่กระจายขยายพันธุ์ได้ดีทำให้เกิดผลกระทบอย่างมาก เพราะจะไม่มีตัวกระจายเมล็ดอีกต่อไป และมูลของมันซึ่งเป็นปุ๋ยอย่างดีก็ลดลงเช่นกัน แต่การเพิ่มจำนวนของบรรพบุรุษของเราซึ่งบังเอิญชอบกินอะโวคาโดด้วยก็ทำให้มันยังอยู่รอดมาได้จวบจนปัจจุบัน