- ใช้เมื่อผู้พูด พูดถึงสิ่งต้องทำในเรื่องที่เป็นส่วนตัว (personal obligation) หรือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ (duty) และผู้พูดคิดว่ามันจำเป็นต้องทำ (necessary) ด้วยตัวเอง โดยอาจจะไม่มีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ มาบังคับ
Ex. You must wear a seatbelt while you drive.
(คุณต้องคาดเข็มขัดเวลาขับรถ)
Ex. I must eat good food for better health.
(ฉันต้องกินอาหารดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น)
- ใช้ในการพูดถึงความเป็นจริงตามธรรมชาติที่เน้นความจำเป็น (Emphasize necessity) ว่าสิ่งนั้นต้องมี ต้องได้รับอะไร
Ex. Plants must have light and water to grow.
(ต้นไม้ต้องได้รับแสงและน้ำสำหรับการเติบโต)
Ex. He must study harder if he wants to pass the exam.
(เขาต้องเรียนหนักให้มากขึ้นถ้าอยากสอบผ่าน)
- ใช้เมื่อพูดให้คำแนะนำบางอย่างที่ผู้ฟังต้องทำตาม (strong recommendation)
Ex. We must get together for group picture soon.
(พวกเราต้องมารวมตัวกันเพื่อถ่ายภาพหมู่เร็ว ๆ นี้)
Ex. This is so delicious, you must try one!
(นี่มันอร่อยมากเลยนะ เธอต้องลองชิมสักอัน)
ในหลาย ๆ ครั้ง must มักกล่าวโดยผู้พูด โดยที่กล่าวกับผู้รับฟังว่าคุณจะต้องทำอะไร ภายในเมื่อไหร่ โดยที่ในแง่ของผู้ฟังนั้น อาจจะใช้คำว่า have to ได้ เช่น
Teacher: You must complete this project by this week.
Student: We have to complete this project by this week.
ข้อควรจำ: must จะตามด้วย infinitive หรือกริยาที่ไม่ผันรูปเสมอ (ไม่มี to นำหน้า และไม่เติม s, ed ใด ๆ)
- ใช้เมื่อผู้พูด พูดถึงสิ่งต้องทำในเรื่องที่ไม่ได้เป็นส่วนตัว (impersonal/external obligation) และผู้พูดมองว่ามันจำเป็นต้องทำเพราะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาบีบบังคับ เช่น กฎหมาย กฎระเบียบของสถานที่ต่าง ๆ (external power eg, law or school/office rules)
- ในส่วนของประโยคคำถาม โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้ have to มากกว่า must
Ex. Do I have to do this?
(นี่ฉันต้องทำนี่จริง ๆ เหรอ?)
*มักไม่ค่อยใช้ Do I must do this? อาจจะเห็นได้บ้างแต่ว่าน้อยมาก
- สำหรับรูปอดีตนั้น จะใช้ had to แทน must เพราะว่า must ไม่มีการผันเป็นรูปอดีต และต้องใช้กับกริยาช่อง 1 เท่านั้น
Ex. I had to join the meeting yesterday.
(ฉันต้องเข้าร่วมประชุมเมื่อวาน)
ข้อควรจำ: have to จะตามด้วย infinitive หรือกริยาที่ไม่ผันรูปเสมอ (ไม่มี to นำหน้า และไม่เติม s, ed ใดๆ)
เรียบเรียงโดย เบญจมาภรณ์ บุนนาค