ครั้งหนึ่งอริสโตเติลเคยทำนายเอาไว้ว่า ในการตกของวัตถุในสุญญากาศที่ไม่มีแรงต้านความเร็วของวัตถุที่ตกจะเร็วกว่าแสง ถ้าวัตถุหนึ่งหนักกว่าอีกวัตถุหนึ่ง 10 เท่า เมื่อวัตถุทั้งสองตกพร้อมกันจากที่สูงระดับเดียวกันขณะจะถึงพื้นวัตถุที่หนักจะมีความเร็วเป็น 10 เท่าของวัตถุที่เบา จนกระทั่งกาลิเลโอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอริสโตเติลน่ะผิดนะ ด้วยการให้ลูกศิษย์ขึ้นไปที่ยอดหอเอนแห่งเมืองปิซาเพื่อปล่อยวัตถุที่มีน้ำหนักต่างกันลงมาพร้อมกัน แล้วกาลิเลโอก็ได้พบว่าวัตถุทั้งสองตกถึงพื้นพร้อมกันทุกครั้งไป วัตถุหนักไม่ได้ตกลงมาก่อนวัตถุเบาอย่างที่อริสโตเติลพูดไว้ แล้วสรุปเท่ ๆ ออกมาภายหลังให้เราได้ท่องกันในหนังสือวิทย์ว่า “ถ้าไม่มีแรงต้านอากาศ เวลาปล่อยลูกเหล็กกับขนนกพร้อมกัน ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกัน” ว้าวซ่าที่สุด !
หลังจากที่กาลิเลโอเปิดแกรนด์โอเพนนิ่งค้านอริสโตเติล จุดเริ่มต้นที่สำคัญจุดหนึ่งของวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันก็ได้ถือกำเนิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์นั้นจะต้อง ‘ทดสอบให้ผิด’ ได้ ทำให้คนเราหันมาเถียงกันด้วย ‘หลักฐาน’ เพียว ๆ ไม่สำคัญว่าใครจะพูด ถ้ายังไม่พบหลักฐานอะไรที่ขัดแย้งกับคำทำนายจากทฤษฎีนั้น ทฤษฎีดังกล่าวก็ยังไม่ผิด แต่ในขณะเดียวกันหากเราพบหลักฐานใด ๆ ที่มาแย้งกับทฤษฎีนั้นได้ ทฤษฎีนั้นก็จะผิดทันที ต่างกับทฤษฎีที่ไม่ใช่ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่จะชอบทำนาย มโนหรือแค่จินตนาการโดยที่ไม่มีหลักฐานมารองรับ เช่น คนเกิดวันศุกร์จะโสดตลอดชีวิตหรือคนที่เกิดวันพุธกลางคืนจะจิตแข็ง ไม่กลัวผี ความจริงคือยังมีคนอีกหลายล้านคนที่เกิดวันศุกร์และมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข และยังมีคนที่เกิดวันพุธกลางคืนที่กลัวผีสุด ๆ อยู่อีกมากมาย ทฤษฎีแบบนี้จึงไม่ใช่ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์
มันก็คือการพิสูจน์ว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่นั่นแหละ ซึ่งเราก็เคยเห็นวิธีนี้ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างในละครหลังข่าวที่นางเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับพระเอก เธอก็เลยต้องปลอมตัวไปเป็นคนใช้หรืออะไรสักอย่างที่บ้านพระเอกเพื่อที่จะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ครอบครัวของเธอเห็นว่า พระเอกไม่ได้มีดีอะไรเลยเพื่อที่ตอนจบเธอจะไม่ต้องแต่งงานกับพระเอก มันคือการ ‘ทดสอบให้ผิด’ นั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าฟีโรโมน (Pheromones) จากตัวเราเป็นกุญแจสำคัญในการคัดสรรคนที่คู่ควรมาเป็นคู่ชีวิต แต่ละคนจะมีกลิ่นฟีโรโมนที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยจะออกมาในรูปแบบของปัสสาวะหรือเหงื่อที่จะออกมาตามข้อพับ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองแล้วพบว่า คนเรามักจะเลือกคู่ที่มีกลิ่นฟีโรโมนใกล้เคียงกับตัวเองมากที่สุด (หรือไม่ก็ดีเลิศ ดีกว่า หรือว่าดีเท่ากับตัวเอง) เคล้าส์ เวเดไคนด์ จากมหาวิทยาลัยเบิร์น ในสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการทดลองโดยให้ผู้หญิงและผู้ชายดมเสื้อที่เต็มไปด้วยเหงื่อปริศนาแล้วให้บอกว่าชอบกลิ่นเสื้อตัวไหนมากที่สุด
ปรากฏว่าผู้หญิงมักจะสนใจคนที่มีกลิ่นคล้ายพ่อของตัวเอง ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าคน ๆ นี้น่าจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี (เหมือนที่เธอได้รับจากพ่อ) เป็นไปตามกฎแห่งพันธุกรรมเพราะกลยุทธ์นี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงของการผสมนอกสายสัมพันธ์และความอันตรายของการผสมในสายสัมพันธ์ได้อย่างลงตัวที่สุด เนื่องจากคนเราไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับคนร่วมสายเลือดได้ ดังนั้นการเลือกชายที่มีความใกล้เคียงกับพ่อของเธอจึงเป็นทางออกที่สดใสกว่า เพราะนอกจากจะได้ยีนที่ดีใกล้เคียงกับยีนตัวเองแล้ว (มนุษย์มีความหลงตัวเองสูง) ผู้ชายคนนั้นยังน่าจะมียีนดี ๆ อื่น ๆ อยู่ในตัวอีก ทำให้ความหวังที่จะได้ลูกที่แข็งแรงก็สูงขึ้นตาม ส่วนผู้ชายชอบกลิ่นของคนที่อยู่ในช่วงไข่ตกที่กลิ่นจะรุนแรงที่สุดเพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคน ๆ นั้นพร้อมที่จะผสมพันธุ์เต็มที่
คำตอบก็คือ ไม่รู้ ! ไม่ใช่แค่การทำให้ผิดด้วยฟีโรโมนอย่างเดียวหรอก วิทยาศาสตร์เคยทำการทดสอบคู่เเท้จากทั้งฮอร์โมน สมอง รูม่านตา ยีน ความยาวของนิ้วกลาง ขนาดของใบหู ความยาวของติ่งหู ขนาดรอบคอและรอบข้อมือ ปริมาตรของปอด อัตราการเผาผลาญสารอาหาร และอีกมากมายเพื่อที่จะไขปริศนาแห่งจักรวาลที่ว่า ‘ทำไมเราถึงชอบคนนี้’ หรือ ‘ทำไมฉันถึงได้เลือกคน ๆ นี้ ไม่ใช่คนอื่น’ แต่ทุก ๆ อย่างที่เราทดลองด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดกลับไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้เลยจริง ๆ และนั้นอาจเป็นความเซ็กซี่ของความรัก ที่แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามสรรหาข้อเท็จจริงมากมายแค่ไหนมาเฉลยปริศนาแห่งรักให้เราได้รู้อยู่เรื่อย ๆ แต่เรากลับตอบไม่ได้เต็มปากว่าทำไมเราถึงรักคนที่เรารัก หรือชอบคนที่เราชอบ ตราบใดที่คน ๆ นี้ยังเป็นคนที่ใช่และทำให้ใจเราเต้นผิดจังหวะ และถึงแม้วันหนึ่งเขาจะไม่ใช่คนที่ใช่อีกต่อไป ความรักก็ยังเป็นความเสี่ยงเดียวที่คนทั่วไปรับได้ และพร้อมจะกระโจนเข้าใส่อยู่ดีเมื่อมันมาเยือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ระหว่าง 'สมอง' กับ 'หัวใจ' ใช้อะไรในการตัดสินใจถึงจะดีที่สุด
เมื่อสิ่งแวดล้อมดี เราจะไม่โสด... เป็นเพราะอะไร ?
ทำไมสาวเปิ่น ๆ โก๊ะ ๆ ถึงได้ใจพระเอกซีรีส์เกาหลี
ตำนาน ‘ด้ายแดง’ ที่ว่าคนเราเจอรักแท้แล้วแต่แค่ไม่รู้ตัว
สบตาเธอแล้วโลกหยุดหมุน รักแรกพบมีจริงหรือแค่คิดไปเอง
‘เขาชอบเราจริงไหม’ หรือแค่หาคนคุยแก้เบื่อ
อยากคุยแต่ไม่อยากคบ 'เป็นแค่คนคุย' ถ้าเจอแบบนี้เราควรจะทำยังไงต่อ
เรากำลังมีความรัก มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่หรือเปล่า ?
How To ทักแชทคนที่ชอบยังไงไม่ให้ดูเด๋อ
ทำนายเนื้อคู่ตามราศี คุณจะเจอเนื้อคู่ที่ไหนได้บ้าง !
คนแบบไหนที่จะทำให้คุณใจสั่น จนไม่อยากโสด
รู้จักอาการคลั่งรัก ‘Limerence’ คุณกำลังคลั่งรักใครอยู่หรือเปล่า
แหล่งข้อมูล
Chemistry of love: Using pheromones to find your match
Brian Cox visits the world's biggest vacuum | Human Universe - BBC