คนเราเริ่มเรียนรู้การโกหกตั้งแต่ตอนเด็ก เมื่ออายุครบ 6 เดือน ทารกจะเริ่มรู้ว่าพฤติกรรมของตัวเองมีผลต่อผู้ดูแล และเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว เช่น แกล้งร้องไห้เพื่อดึงความสนใจ หรือแกล้งหัวเราะเพราะเห็นว่าคนรอบข้างชอบท่าทางแบบนี้ เป็นต้น ในงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัท ประเทศอังกฤษ ได้บอกไว้ว่า เราไม่ควรตีความว่าการโกหกในช่วงอายุนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนเราไม่ซื่อสัตย์ การหลอกลวงถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทารกเรียนรู้เพื่อสื่อสารกับคนอื่นทางสังคมก่อนที่จะพูดเป็น
• เรื่องเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า 50%
• เรื่องของคนอื่น (โกหกเพื่อคุ้มครองคนอื่น) 25%
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนเราต้องโกหกมักเกิดจากแรงจูงใจ 2 ประเภท คือ โกหกเพื่อโจมตีคนอื่น และโกหกเพื่อป้องกันตัวเอง
• เพื่อเอารางวัล เพราะถ้าไม่โกหกก็ไม่มีทางได้มาง่าย ๆ
• เพื่อได้เปรียบคนอื่นหรือได้ประโยชน์จากสถานการณ์
• เพื่อสร้างความประทับใจเชิงบวกและได้รับการชื่นชม
• เพื่อแสดงอำนาจเหนือผู้อื่นด้วยการควบคุมข้อมูล
• เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษหรือต้องอับอายขายหน้า
• เพื่อคุ้มครองไม่ให้คนอื่นโดนลงโทษ
• เพื่อคุ้มครองตนเองจากภัยอันตรายทางกายหรือทางอารมณ์
• เพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์ทางสังคมที่น่าอึดอัดใจ
• เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
FUN FACT: คนชอบเข้าสังคมมักจะพูดโกหกมากกว่าคนเก็บตัว และรู้สึกสบายใจกว่าเวลาโกหก รวมทั้งยืนกรานเรื่องที่โกหกอยู่ได้นานกว่า
1. เวลาฟังใครเล่าอะไร ขอให้อดทนไว้ อย่าเติมข้อมูลที่ขาดหายไป แต่จงใส่ใจอย่างเต็มที่กับสิ่งที่เขาพูดและไม่ได้พูดออกมา
2. เด็กมักยกมือปิดปากเวลาพูดโกหก ส่วนผู้ใหญ่ที่โกหกจะพยายามอดทนไม่ทำแบบนั้น ทั้งที่เป็นแรงกระตุ้นสากลที่พบโดยทั่วไป แต่อาจจะยกมือแตะปากเร็ว ๆ หรือวาดมือไปบนแทน
3. คนเรามักจะแตะไปที่ดวงตาหรือพยายามหลับตาเวลาพูดโกหก ซึ่งมักจะทำไปโดยที่ไม่รู้ตัว ผู้ชายมักจะถูตา ส่วนผู้หญิงจะแตะใต้ดวงตาเบา ๆ
4. ให้ฝึกมองหาการแสดงอารมณ์บนใบหน้าที่ออกมาเพียงชั่วพริบตาเดียว ซึ่งเรียกว่า ‘การแสดงสีหน้าในระดับไมโคร’ แม้จะปรากฎเพียงสั้น ๆ แต่คนโกหกมักระงับไว้ไม่อยู่ ทำให้เราได้สัญญาณบอกใบ้ที่เชื่อถือได้ของคความรู้สึกที่แท้จริงของบุคคคลนั้น
5. ให้สังเกตสมมาตรในการแสดงท่าทางกับการแสดงสีหน้าของบุคคล เช่น รอยยิ้ม หน้าบึ้ง และการยักไหล่ ซึ่งถือเป็นหน้ากากด้านเดียวที่ปิดบังความรู้สึกอันแท้จริง ขณะที่การแสดงท่าทางของความจริงตามธรรมชาติมักเกิดขึ้นเท่า ๆ กันทั้งภายนอกและภายใน
6. ลองมองหากลุ่มพฤติกรรมที่สื่อถึงการหลอกลวง เพราะการแสดงท่าทางหรือการหลุดปากพูดโดยไม่ตั้งใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้าสังเกตเห็นตัวชี้วัดการหลอกลวงหลาย ๆ แบบในกลุ่มพฤติกรรมดังกล่าวก็น่าจะช่วยให้เราระวังตัวได้
7. ให้ระวังการผงกศีรษะที่ไม่ตรงกับใจ เช่น เพื่อนที่บอกว่าขอยืมเงินหน่อยแล้วจะคืนแน่ ๆ แต่ในขณะที่พูดก็ส่ายหน้าไปด้วย ภาษากายแบบนั้นสื่อให้เห็นว่ากำลังโกหกอยู่
8. หากคู่สนทนาหยุดแสดงท่าทางหรือทำตัวนิ่งแข็งบริเวณร่างกายส่วนบน ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมตามธรรมชาติ สามารถสื่อได้ว่ากำลังหลอกเรา สิ่งสำคัญคือจงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง หากรู้สึึกแปลก ๆ
9. เวลาจะตั้งคำถามเพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะหลอกเราหรือไม่ ให้พยายามอยู่ตรงตำแหน่งที่เราจะมองเห็นใบหน้า ลำตัว และขาของคู่สนทนาได้ชัด ๆ เพื่่อจะจับพฤติกรรมที่ไม่สอดคคล้องกันได้มากขึ้น เช่น การยกมือบังหน้าเวลาที่เราพยายามสบตา หรือหันหน้าไปตรงทางออก เป็นต้น
10. มองหาความขัดกันในคำพูด การแสดงสีหน้า และภาษากาย คนโกหกมักจะทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันไม่ได้ แต่คนพูดความจริงจะส่งสารเดียวกันออกมาอย่างสอดคล้องในทุกช่องทาง
11. ให้ซักถามด้วยคำถามปลายเปิดเพื่อเก็บรวบรวมข้อเท็จจริง และใช้คำถามที่ตอบว่าใช่หรือไม่ เพื่อประเมินพฤติกรรม
12. การตอบคำถามยาก ๆ โดยพูดทวนทั้งหมด ถือเป็นชั้นเชิงในการซื้อเวลาเพื่อจะแต่งเรื่องโกหก หากเป็นคนที่พูดความจริงมักจะถามเพื่อให้มั่นใจว่าได้ยินคำถามถูกต้องแล้ว โดยจะพูดทวนคำถามแค่บางส่วนเท่านั้น
13. ให้ใส่ใจตอนจบการพูดคุยหรือสอบถาม ถ้าเขาแสดงความโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการสอบถาม อาจเป็นเพราะเรื่องหลอกลวงของเขาใช้ได้ผล
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม่ต้องเป็นหมอดู ก็อ่านใจคนได้
ความโง่ 4 แบบที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองไม่สำเร็จ
ทำไมคน Gen Z ถึงไม่มีศาสนามากขึ้น
4 คำถามถ้าอยากคิดวิเคราะห์เก่ง เพราะ 'Critical Thinking' นั้นสำคัญ
Emotional Agility ทักษะการจัดการอารมณ์ให้สมดุลจากนักจิตวิทยา
ฝึก ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ เคล็ดไม่ลับอัปผลการเรียนให้ดีขึ้น
‘AQ’ ทักษะจำเป็นในวันที่โลกหมุนเร็วจนตามไม่ทัน
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันกับเพื่อนประจำ จะทำยังไงให้ไม่ทะเลาะกัน
มั่นหน้ามั่นใจเกินเบอร์ เสี่ยงเป็นคนมีบุคลิกภาพหลงตัวเอง !
รู้สึก ’โดดเดี่ยว’ ทั้งที่มีเพื่อนเยอะ แต่ไม่รู้ว่าสนิทกับใคร
ชอบตัดสินใจผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ จนเบื่อตัวเอง...แก้ยังไงดี ?
แหล่งข้อมูล
Pamela Meyer. (2559). เทคนิคจับเท็จ เคล็ดลับจับโกหก. แปลจาก Liespotting. แปลโดยพิมพ์ใจ สุรินทรเสรี. กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๊คส์