แสง ถือว่าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถวัดเป็นปริมาณได้ใน 2 ลักษณะ คือ วัดกำลังการส่องสว่างจากต้นกำเนิดของแสง และวัดจากแสงที่ตกกระทบวัตถุ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่าง คือ
1. ความเข้มของแสงที่แหล่งกำเนิด
2. ระยะทางจากแหล่งกำเนิดไปถึงจุดที่ตกกระทบ
3. มุมตกกระทบของแสง
การวัดปริมาณการส่องสว่างของแสง จะพิจารณาจากความสว่างของผิวของแหล่งกำเนิด มีหน่วยเป็น แคนเดลา (Candela) มาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกตั้งขึ้นมาจากอดีต ที่เทียบแหล่งกำเนิดแสงคือ แสงเทียน (Candle) แต่ความสว่างในยุคหลังมักมีแหล่งกำเนิดมากจากหลอดไฟซึ่งใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน จึงสามารถคำนวณหาความเข้มของความส่องสว่างจากสมการ
เมื่อ I คือ ความเข้มของการส่องสว่าง สามารถหาได้จากอัตราส่วนระหว่างกำลังของหลอดไฟกับพื้นที่
มีหน่วยเป็น Candella (Cd) ซึ่งเป็นหน่วยวัดพื้นฐานหนึ่ง ในหน่วยพื้นฐานของฟิสิกส์
P คือ กำลังไฟฟ้าที่ใช้กับหลอดไฟ มีหน่วยเป็น วัตต์ (Watt: W)
A คือ พื้นที่ที่ลำแสงส่องไป ซึ่งแสงจะส่องออกไปในทุกทิศทางของแหล่งกำเนิดตามแนวเส้นรัศมี
จึงคิดเป็นพื้นที่ผิวทรงกลม นั่นคือ A=4πR2 มีหน่วยเป็นตารางเมตร หรือ m2
ซึ่ง R หมายถึง ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดแสง
ดังนั้นเราจึงสามารถเขียนสูตรในการคำนวณหาความเข้มของการส่องสว่างของหลอดไฟ ได้ดังนี้
ส่วนการวัดความสว่างของแสงที่บริเวณต่าง ๆ เช่น ในห้องเรียน หรือห้องประชุม คือการวัดจากพื้นที่รับแสง นั่นคือ
เมื่อ F คือ ฟลักซ์ของความส่องสว่าง เมื่อเปรียบลำแสงเป็นเส้นตรง ฟลักซ์จึงเสมือนเส้นรัศมีของลำแสงนั้น
ซึ่งถ้าสว่างมาก ฟลักซ์ของแสงสว่างก็จะมีปริมาณต่อพื้นที่มากตามไปด้วย และฟลักซ์มีหน่วยเป็น
ลูเมน (Lumen: lm)
E คือ ความสว่างของแสง (Illuminance) หรือความหนาแน่นของฟลักซ์ของความส่องสว่าง ซึ่งมีหน่วยเป็น
ลูเมนต่อตารางเมตร หรือ ลักซ์ (lux)
A คือ พื้นที่ในการรับแสง มีหน่วยเป็นตารางเมตร
จากหลักการเรื่องความสว่างนี้ ได้นำความรู้ในวิชาฟิสิกส์ไปใช้ในทางวิศวกรรมนั่นคือ การออกแบบเพื่อให้พื้นที่การทำงานต่าง ๆ มีแสงสว่างที่พอเหมาะกับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ดังตาราง
พื้น | ความส่องสว่าง (Lux) |
ห้องน้ำ | 100 |
ช่องทางเดินภายในอาคาร | 200 |
ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ | 300-500 |
ห้องประชุม | 200-300 |
หน้ากระดาน หน้าเวทีการแสดง | 700-1,000 |
พื้นที่ทั่วไปในอาคาร | 200 |
พื้นที่ทั่วไปในห้างสรรพสินค้า | 500-1,000 |
ข้อมูลจากการไฟฟ้านครหลวงแห่งประเทศไทย
จากตารางจะพบว่าความส่องสว่างในแต่ละพื้นที่จะมีความสว่างที่แตกต่างกัน ซึ่งพิจารณาถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้แสงสว่าง เช่น ห้องน้ำและช่องทางเดินภายในอาคาร ที่ไม่ได้มีกิจกรรมมากนัก มักจะใช้แสงที่มีความส่องสว่างต่ำ ส่วนหน้ากระดานในห้องเรียน หรือเวทีการแสดงซึ่งต้องใช้การมองเห็นสูง ความสว่างจึงมากขึ้นตามไปด้วย แต่ในขณะเดียวกัน การอ่านหนังสือในห้องเรียนหรือห้องสมุด มีแสงสว่างปานกลาง เนื่องจากต้องคำนึงถึงระยะของการมองเห็น และต้องไปสว่างมากเกินไป เพราะแสงสว่างมากและสะท้อนในระยะใกล้นั้นอาจเกินความจำเป็น หรือเป็นอันตรายต่อดวงตาของเรานั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- สมบัติของแสง