Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เรื่องราวของ “กามนิต” (ภาคพื้นดิน)

Posted By Plook Magazine | 21 มิ.ย. 64
36,481 Views

  Favorite

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อ “กามนิต” มาจากที่ต่าง ๆ อย่างสำนวนที่ว่า “รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม” หรือบางคนก็ได้ยินมาจากเพลงเชียร์ที่ร้องว่า “กามนิตยอดชาย จะไปค้าขายที่โกสัมพี” กามนิตเป็นใครกัน ? ทำไมต้องไปค้าขายที่โกสัมพี แล้วกามนิตรวดเร็วยังไง เรามาทำความรู้จักกามนิตให้มากขึ้นจากเรื่องราวของเขากันดีกว่าค่ะ

 

เรื่องราวของกามนิตนั้นเปิดเรื่องมาตอนใกล้ ๆ จะหมดยุคพุทธกาลแล้ว เพราะว่ากำลังพูดถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ใกล้จะเสด็จไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ระหว่างที่พระองค์จะเสด็จไปที่เมืองกุสินารา พระองค์ก็รู้สึกว่าอยากปลีกวิเวก ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องการจะมีเวลาที่อยากอยู่กับตัวเองบ้าง ในช่วงเวลานั้นเหล่าพระภิกษุต่าง ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าก็ได้เดินทางมากันมากมาย ท่านก็เลยบอกกับเหล่าลูกศิษย์ว่า ให้เหล่าลูกศิษย์นั้นเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวท่านจะเดินทางตามไปทีหลัง ระหว่างนี้ขออยู่คนเดียวก่อน

 

พระพุทธเจ้า
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

จากนั้นพระองค์ก็ได้พิจารณาภูมิประเทศต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเวลาค่ำ พระองค์จะต้องหาที่พัก พระพุทธเจ้าเลือกบ้านที่จะพักจากความสงบเป็นหลัก พอพระองค์เดินผ่านบ้านหลังแรก เห็นเมีย 2 คน ยืนตบกันอยู่หน้าบ้าน พระองค์ก็เลยไม่เข้า มาถึงบ้านหลังที่ 2 ซึ่งเป็นบ้านของคนฆ่าวัว เป็นอาชีพที่ไม่ดีเท่าไหร่ พระองค์จึงเดินผ่านไป พอถึงบ้านหลังที่ 3 ก็เห็นว่ากำลังจัดงานเลี้ยงกันอยู่แบบจัดเต็ม พระองค์เห็นว่าไม่มีความสงบจึงเดินหาบ้านหลังต่อไปเรื่อย ๆ 

 

จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังสุดท้าย ซึ่งเป็นบ้านของช่างปั้นหม้อ อาจจะไม่ได้หรูหราเท่าบ้านทุกหลังที่เดินผ่านมา แต่ก็เป็นบ้านที่เจ้าของทำอาชีพสุจริต บ้านก็ดูสงบเรียบร้อยดี ท่านก็เลยตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งช่างปั้นหม้อก็ตอบตกลง แต่บอกกลับมาว่า “จริง ๆ แล้วในบ้านมีคนมาขอพักแรมอยู่ก่อนแล้ว 1 คน ถ้าท่านไม่รังเกียจอะไร จะเข้ามาพักด้วยกันก็ได้” เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปดูก็พบว่าอีกคนที่อยู่ในบ้านก็ดูเป็นนักบวชเร่ร่อนที่กำลังแสวงหาความสงบเหมือนกัน ท่านจึงไม่ได้ติดใจอะไร และตอบตกลงที่จะเข้าพักด้วย ซึ่งคนที่พักอยู่กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นก็คือ “กามนิต” นั่นเอง

 

กามนิต
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

ระหว่างที่ทั้งคู่พักแรมอยู่ด้วยกัน ก็ทำให้มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น กามนิตผู้ที่ไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นนักบวชคนหนึ่งเท่านั้น อยู่ดี ๆ กามนิตก็เปรยขึ้นมาประมาณว่า “ท่านสนใจจะฟังเรื่องของข้าไหม ว่าทำไมข้าถึงออกเร่ร่อนมาตามหาคำตอบชีวิตอยู่ตรงนี้ ถ้าท่านอยากฟังข้าจะเล่าให้ฟัง” หลังจากนั้นกามนิตก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟัง

 

ตั้งแต่เด็กกามนิตเป็นลูกพ่อค้า และได้เรียนรู้ศิลปวิทยาต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มในอุดมคติของสาวหลายคนเลย จนกระทั่งพอเริ่มโตขึ้นมา พ่อก็ได้บอกกับกามนิตว่า “เจ้าโตมากแล้ว จะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ การที่ได้เรียนแต่ว่าไม่ได้ทำอะไรจริงเลยมันไม่มีประโยชน์ ข้าจะให้เจ้าคุมกองเกวียนออกไปค้าขายที่เมืองโกสัมพี” ปกติแล้วเมืองอุชเชนีที่กามนิตอยู่ กับเมืองโกสัมพีนั้น ไม่มีใครสามารถเดินทางไปได้ง่าย ๆ เพราะระหว่างทางโจรชุมมาก รับรองว่าถ้าได้เดินทางออกไปต้องโดนปล้นแน่นอน แต่บังเอิญว่าในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ราชทูตของเมืองอุชเชนีกำลังจะไปเจริญสัมพันธไมตรีกับเมืองโกสัมพี ดังนั้นถ้าเดินทางตามราชทูตไป ก็จะมีกองทหารคอยดูแลอย่างดี พ่อก็เลยบอกว่า “งานนี้ง่ายมาก แค่ตามราชทูตไป ไปถึงก็ค้าขายให้เรียบร้อย แล้วซื้อของกลับมาขายที่เมืองเราด้วย” เนื่องจากของระหว่างทั้ง 2 เมืองนี้ไม่ได้ค้าขายกันมานานแล้ว รับรองว่าฟันกำไรได้อื้อซ่า กามนิตได้ตอบตกลงและออกเดินทางไปค้าขายพร้อมกับราชทูต

 

กามนิตและพ่อ
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

พอไปถึงที่กรุงโกสัมพี กามนิตก็ค้าขายตามที่พ่อสั่งตามปกติ จนขายเสร็จหมดแล้ว ก็บอกกับราชทูตว่า “ข้าค้าขายเสร็จแล้ว หากท่านเจริญสัมพันธไมตรีเสร็จเมื่อไหร่ก็บอกข้าด้วย เราจะได้เดินทางกลับด้วยกัน” ระหว่างนั้นกามนิตก็ว่าง จึงเที่ยวในเมือง ปกติแล้วกามนิตจะมีคู่หูอยู่ 1 คน เป็นลูกของเพื่อนพ่อที่อยู่ในเมืองโกสัมพี กามนิตก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคู่หูคนนี้ทุกวัน

 

วาสิฏฐี
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ทั้ง 2 ได้ไปเที่ยวที่เทวาลัยของพระลักษมี ซึ่งที่เทวาลัยของพระลักษมีถือว่าเป็นแหล่งส่องสาวชั้นเยี่ยมของเมืองโกสัมพีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่นี่เหล่าสาว ๆ จะมาบูชาพระลักษมีกัน โดยการเดาะลูกคลี เพราะถือเป็นการละเล่นโชว์สกิลกันว่างั้นเถอะ ปรากฏว่ากามนิตส่องสาวจนได้เรื่อง เพราะไปสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความสวย และความเก่งโดดเด่นกว่าผู้หญิงทุกคน หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า “วาสิฏฐี” นั่นเอง พอกามนิตเห็นปุ๊บก็หลงรักนางทันที บังเอิญจังหวะนั้นวาสิฏฐีหันหน้ามาทางกามนิตพอดี ทั้ง 2 จึงได้สบตากันเล็กน้อย วาสิฏฐีปกติเป็นคนที่เดาะคลีเก่งมาก โยนยังไงก็ไม่มีพลาด แต่พอได้สบตากับกามนิตก็เคลิ้มจนลูกคลีหลุดออกจากมือและกลิ้งออกไป กามนิตได้จังหวะจึงพุ่งเข้าไปรับลูกคลีให้วาสิฏฐี 

 

แต่กามนิตไม่ได้เป็นคนเดียวที่วิ่งเข้าไป ยังมีอีกคนที่วิ่งเข้าไปรับลูกพร้อมกามนิต คนนั้นก็คือ “สาตาเคียร” ลูกชายของเสนาบดีประจำกรุงโกสัมพี และบังเอิญว่าสาตาเคียรนั้นตามจีบวาสิฏฐีมานานแล้ว แต่วาสิฏฐีไม่เล่นด้วย โดยปกติแล้วไม่มีใครกล้าเข้าไปแย่งกับสาตาเคียร เพราะสาตาเคียรถือว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในเมืองโกสัมพี แต่กามนิตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยดันเข้าไปแข่งเอาลูกคลีมาได้ แล้วโดยปกติคนที่ไม่มีความสามารถมากพอถ้าโยนลูกคลีกลับไป วาสิฏฐีอาจจะต้องหยุดการแสดง แต่กามนิตที่มีวิชาความรู้เก่งมาก สามารถรู้จังหวะของวาสิฏฐีที่กำลังโยน ๆ อยู่ กามนิตจึงโยนลูกคลีส่งให้วาสิฏฐี วาสิฏฐีก็รับได้และสามารถแสดงต่อได้ทันที โดยที่การแสดงนั้นไม่มีการหยุดชะงักเลยแม้แต่นิดเดียว ก็คือลื่นไหลราวกับว่ากามนิตนั้นร่วมแสดงด้วย เหตุการณ์นี้จึงทำให้วาสิฏฐีประทับใจในตัวของกามนิตมาก ส่วนสาตาเคียรแน่นอนว่าเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงโกรธแค้นกามนิตทันที ประมาณว่าอยู่ดี ๆ ตนก็มีคู่แข่งขึ้นมา

 

กามนิตรับลูกคลีของวาสิฏฐี
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


หลังจากเรื่องราวในตอนนั้นผ่านไป กามนิตก็ยังไม่รู้ว่าวาสิฏฐีเป็นใคร ได้แต่กลับบ้านไปนอนก่ายหน้าผากอยู่ระยะเวลาหนึ่ง จนในที่สุดเพื่อนของกามนิตทนไม่ไหว จึงพยายามจะเป็นสะพานให้ทั้ง 2 คนได้รู้จักกัน จนกระทั่งในภายหลังวาสิฏฐีก็ได้นัดเจอกามนิตที่ลานบ้านบริเวณลานอโศก แต่ว่าก็มีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ เพราะราชทูตที่หายไปนานแสนนานอยู่ดี ๆ ก็ส่งจดหมายมาหากามนิต ข้อความในจดหมายฉบับนั้นระบุว่า เขาได้ทำการเจริญสัมพันธไมตรีเสร็จแล้ว ได้เวลาที่จะกลับเมืองกันแล้ว กามนิตพยายามยื้อเวลาจึงตอบกลับราชทูตไปว่าติดธุระอยู่ ยังกลับเมืองไม่ได้ ราชทูตก็ยังงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกามนิต แต่ก็ยอมและไม่ได้ว่าอะไร กามนิตมีโอกาสจึงได้นัดพบวาสิฏฐี ซึ่งพอทั้ง 2 ได้เจอหน้ากันก็ดีใจและรู้สึกดีต่อกัน เพราะวาสิฏฐีก็แอบรักกามนิตเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้บอกความในใจกันในคืนนั้น

 

วาสิฏฐีนัดเจอกามนิต
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เมื่อถึงเวลาที่กามนิตจะต้องกลับเมืองจริง ๆ แล้ว กามนิตจึงได้บอกกับวาสิฏฐีว่า “ข้าขอโทษจริง ๆ แต่ภายในวันพรุ่งนี้ข้าต้องกลับเมืองอุชเชนีแล้ว แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะรีบกลับมาหาให้เร็วที่สุด” แต่วาสิฏฐีไม่ยอม เพราะวาสิฏฐีรักและหวงกามนิตมาก กลัวว่ากามนิตจะไปมีหญิงอื่นที่เมืองอุชเชนี กามนิตก็ยอมวาสิฏฐี และก็ได้บอกกับราชทูตว่าจะขออยู่ต่อ แต่ครั้งนี้ราชทูตเริ่มโมโหจึงเกิดการทะเลาะกันระหว่างกามนิตและราชทูต สุดท้ายกามนิตทำอะไรไม่ได้จึงปล่อยให้ราชทูตกลับเมืองไปคนเดียว ส่วนกามนิตก็อยู่ที่เมืองโกสัมพีและเป็นคู่รักกับวาสิฏฐี

 

กามนิตขอราชทูตอยู่เมืองโกสัมพีต่อ
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

 


จนกระทั่งวันหนึ่งกามนิตโดนลอบทำร้ายจากสาตาเคียร วาสิฏฐีเห็นว่าชีวิตของกามนิตไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากสาตาเคียรเป็นผู้มีอิทธิพล สุดท้ายวาสิฏฐีจึงบอกกับกามนิตว่าให้หนีกลับไปเมืองอุชเชนีไปก่อนจะดีกว่า ก่อนเดินทางกลับกามนิตและวาสิฏฐีได้สัญญากันไว้ว่า ทั้งสองจะจงรักภักดีต่อกัน จะไม่มีคนใหม่ และจะไม่มีใครผิดคำสัญญานี้ แล้วกามนิตก็เดินทางกลับเมืองอุชเชนีไป

 

กามนิตโดนลอบทำร้าย
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


แต่เนื่องจากครั้งนี้ไม่มีเหล่าทหารของราชทูตคอยป้องกันแล้ว ระหว่างทางกามนิตจึงโดนโจรปล้น แล้วโจรที่มาปล้นกามนิตนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน โจรคนนั้นคือ “องคุลีมาล” โจรชื่อดังในสมัยพุทธกาล กามนิตโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ระหว่างที่รอค่าไถ่ทำให้กามนิตได้ใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มโจรประมาณ 2 เดือน ด้วยความที่กามนิตเป็นคนที่เฉลียวฉลาด กามนิตจึงได้เรียนรู้วิถีโจรมาแบบละเอียดยิบ ว่าต้องไปปล้นตอนไหน กลุ่มโจรมีความเชื่อแบบไหน เรียกว่ารู้แบบหมดไส้หมดพุง และแล้วในที่สุดเวลาที่กามนิตโดนไถ่ตัวออกไปก็มาถึง

 

องคุลีมาลดักปล้นกามนิต
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

พอกลับไปถึงเมืองอุชเชนี กามนิตยังพยายามที่จะขอพ่อกลับไปที่กรุงโกสัมพีอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าครั้งนี้พ่อไม่ให้กามนิตไป เพราะแค่ให้กามนิตติดตามราชทูตไปเพื่อค้าขายต่างเมืองกามนิตยังทำเสียเรื่องขนาดนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดก็หายไปเพราะถูกปล้น แถมกามนิตยังทำให้ตัวเองโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่อีก ทำให้ต้องหาเงินไปไถ่ตัวกามนิตออกมา สรุปแล้วสูญเสียไปเยอะมากจากการที่ไปค้าขายในตอนนั้น กามนิตก็เลยต้องทนอยู่ที่เมืองอุชเชนีต่อไปจนเริ่มตรอมใจ

 

เวลาผ่านเลยไปค่อนข้างนาน จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีข่าวลือออกมาว่า โจรองคุลีมาลโดนจับฆ่าตายไปแล้ว เมื่อกามนิตได้ยินข่าวก็ได้ขอพ่อไปที่เมืองโกสัมพีอีกครั้ง ครั้งนี้พ่อก็อนุญาตให้ไป กามนิตจึงไปค้าขายที่โกสัมพีอีกครั้ง ปรากฎว่าเมื่อกามนิตไปถึงก็พบว่าที่เมืองมีการจัดงานรื่นเริงใหญ่โตทั้งเมือง กามนิตงงมากจึงถามชาวบ้าน ภายหลังกามนิตจึงรู้ว่าเป็นงานเลี้ยงงานแต่งงานของสาตาเคียร กามนิตได้ยินแบบนั้นก็หลงดีใจคิดว่าตัวเองไม่ต้องมีคู่แข่ง ไม่ต้องกังวลว่าสาตาเคียรจะมาแย่งวาสิฏฐีไปแล้ว แต่กามนิตก็ดีใจได้ไม่นานเมื่อเห็นขบวนเจ้าสาวผ่านหน้าตนเองไป และเจ้าสาวคนนั้นก็คือ “วาสิฏฐี” นั่นเอง กามนิตรู้สึกเสียใจมากจึงพาหัวใจที่แตกสลายของตัวเองกลับเมืองอุชเชนีไป

 

วาสิฏฐีแต่งงานกับสาตาเคียร
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

หลังจากวันนั้นกามนิตก็เริ่มเสียคน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นคนสำมะเลเทเมา เที่ยวโสเภณี ชีวิตเละเทะไปหมด จนถึงจุดหนึ่งก็มีบางอย่างเตือนสติกามนิตขึ้นมา ทำให้กามนิตพลิกตัวเองกลับมาได้ ทำให้กามนิตกลายเป็นคนที่ตั้งใจค้าขายมากขึ้นกว่าเดิม มีเป้าหมายในชีวิตว่าจะต้องเป็นคนที่รวยที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด ซึ่งตรงจุดนี้อาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของกามนิตตรงนี้ทำให้มีการนำไปเปรียบเปรยเป็นสำนวน “เร็วปานกามนิตหนุ่ม” ขึ้นมานั่นเอง

 

กามนิตเสียคน
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

การค้าขายของกามนิตเจริญรุ่งเรืองดีขึ้นทุกวัน เพราะว่ากามนิตได้รู้วิถีของโจรทั้งหมดในช่วงที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คือรู้ว่าโจรจะปล้นเวลาไหน ไม่ปล้นเวลาไหน ต้องทำยังไงถึงจะไม่ถูกโจรปล้น ดังนั้นจึงทำให้กามนิตจับทางโจรได้อยู่ตลอด จนในที่สุดพ่อของกามนิตก็คิดว่า กามนิตจะอยู่เป็นโสดแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว (ในสังคมอินเดียให้ความสำคัญกับการมีลูกชายเพื่อสืบสกุล) พ่อก็เลยจัดหาเมียให้กามนิต ซึ่งเป็นหญิงที่มีวรรณะเท่าเทียมกัน กามนิตก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พ่ออยากจะให้แต่งงานกับใครก็แต่ง ๆ ไป เพราะกามนิตไม่ได้รักอยู่แล้ว ยังไงในใจของกามนิตก็มีแค่วาสิฏฐี กามนิตคิดว่าแค่ทำตามหน้าที่ของลูกเท่านั้น

 

 

 

กามนิตแต่งงานกับเมียคนแรก
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


ปรากฎว่าหลังแต่งงาน กามนิตก็มีลูกสาว 2 คน ทั้งคู่อยู่กินกันมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มีลูกชายสักที พ่อของกามนิตทนไม่ได้ยังไงกามนิตก็ต้องมีลูกชายให้ได้ พ่อจึงคิดว่าเมียคนแรกอาจจะรีบหาเกินไปหน่อย เพราะห่วงดูแต่ฐานะทางบ้านของฝ่ายหญิง ไม่ได้ดูลักษณะอันเป็นมงคล ดังนั้นพ่อจึงจัดหาเมียมาให้กามนิตอีกคน ซึ่งเป็นคนที่มีลักษณะอันเป็นมงคลที่ดีมาก เหมาะที่จะมีลูกชาย คราวนี้พ่อจัดพิธีแต่งงานให้ใหม่ หลังจากแต่งงานกันกามนิตก็มีลูกชายจริง ๆ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ระหว่างเมียคนแรกที่ไม่มีลูกชาย กับเมียคนที่ 2 ที่มีลูกชาย ทำให้เกิดการทะเลาะกัน ตบกันอยู่ทุก ๆ วัน เมียคนแรกบอกว่า “ข้าเป็นเมียหลวง ข้าต้องเป็นใหญ่ในบ้านสิ” ส่วนเมียคนที่ 2 บอกว่า “แต่ข้าคือคนที่มีลูกชายให้ได้ ข้าต่างหากที่ต้องเป็นใหญ่ในบ้าน” บ้านของกามนิตเริ่มลุกเป็นไฟ เพราะเมียทั้ง 2 คนที่ไม่ลงรอยกัน ทำให้ชีวิตของกามนิตไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่กามนิตก็ต้องทนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป

 

เมียทั้งสองทะเลาะกัน
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ กามนิตก็ได้ยินเสียงเมียทั้ง 2 ด่าและโวยวายเสียงดังลั่น กามนิตเลยเดินออกไปดู เพราะกลัวว่าทั้ง 2 คนจะทะเลาะกันจนเกิดเรื่องใหญ่โต แต่ปรากฎว่ารอบนี้เมียทั้ง 2 ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ภาพที่เห็นคือ เมียทั้ง 2 คนกำลังยืนด่านักบวชคนหนึ่ง ประมาณว่า “ไอ้โล้น ทำไมต้องมาขออาหารจากบ้านพวกข้าด้วย มาขอข้าวไปทั่วแบบนี้ไม่ต่างกับขอทาน” กามนิตเห็นแบบนั้นก็ตกใจ แล้วรีบออกไปห้ามเมียทั้ง 2 คน พร้อมกับไล่ให้เมียทั้ง 2 เข้าบ้านไป

 

จากนั้นกามนิตก็หันกลับไปขอโทษนักบวช “ข้าขอโทษจริง ๆ เมียของข้าปากจัดทั้งคู่จึงพูดจาไม่ดีกับท่าน เดี๋ยวข้าจะออกมาใส่บาตรให้” แต่พอกามนิตเงยหน้าขึ้นมามองหน้านักบวชก็ตกใจมาก เพราะนักบวชคนนั้นก็คือ “องคุลีมาล” กามนิตสับสนและกลัวมาก เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าองคุลีมาลตายไปแล้ว แล้วก็คิดว่าองคุลีมาลจะมาตามล้างแค้นตนรึป่าว กามนิตกลัวมากจึงวิ่งเข้าบ้านไป แต่พอกามนิตออกมาดูอีกครั้งก็พบว่าองคุลีมาลหายไปแล้ว

 

กามนิตและพระองคุลีมาล
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้กามนิตมีอาการแพนิคทั้งคืนกลัวว่าองคุลีมาลจะมาทำร้าย ถึงขั้นจัดเวรยามเฝ้าบ้าน ส่งเมียกลับบ้านเมืองของตัวเองไป กามนิตจะไปแจ้งทางการก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนรับรู้ว่าองคุลีมาลตายแล้ว แถมกามนิตยังมีประเด็นกับราชทูตอยู่แล้วจึงทำให้โดนแซะกลับมาอีกว่า “กามนิต ข้าเกลียดเจ้าจริง ๆ ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหม ว่าวันนั้นให้กลับมาพร้อมกัน เจ้าก็จะได้ไม่โดนปล้น เจ้าหาเรื่องทำให้ตัวเองโดนปล้นเอง” ในระหว่างที่กามนิตป้องกันบ้านของตัวเอง ก็ได้มีการตกผลึกทางความคิด จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง องคุลีมาลก็ไม่มาสักที จนเช้ากามนิตก็เริ่มคิดได้ว่า ต่อให้ตนมีสมบัติมากมายไปก็มีแต่ทุกข์ ไม่มีความสุขเลย เมื่อกามนิตเริ่มคิดได้และปลงจึงตัดสินใจออกเดินทางเร่ร่อนเป็นนักบวชตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

 

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของกามนิตที่เล่าให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังถึงสาเหตุที่กามนิตออกบวช “ข้าได้ออกเดินทางไปตามสำนักพราหมณ์ต่าง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ตอบโจทย์ชีวิตของข้า แต่ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่า มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบแล้วในบริเวณชมพูทวีป ดังนั้นที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะได้ข่าวว่าพระองค์มาแถว ๆ นี้ ข้าจะรีบไปเข้าเฝ้าพระองค์ หากเมื่อข้าได้ฟังคำสอนแล้วข้าจะได้บรรลุและจะได้หลุดจากทุกข์นี้สักที” กามนิตพูดกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ฟังอยู่นั้นก็คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

 

เมื่อพระองค์ได้ยินอย่างนั้นก็คิดว่ากามนิตอาจจะสอนได้ จึงได้แสดงธรรมของตัวเองให้กามนิตฟังทั้งหมด แต่ปรากฎว่าพอสอนจนจบ กามนิตเถียงกลับมา และเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า “แล้วสวรรค์เป็นยังไง นรกเป็นยังไง เล่าให้ข้าฟังหน่อย” พระพุทธเจ้าก็พยายามจะบอกกับกามนิตว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้ารู้ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องบอก เพราะว่ามันไม่ใช่หนทางสู่ความสำเร็จ กามนิตก็ยังไม่เชื่อ และบอกว่า “ไม่จริง ทั้งหมดนี้ท่านกล้าพูดไหมว่าได้ยินออกมาจากปากของพระพุทธเจ้าเอง ไม่ใช่การตีความไปเองของท่าน”

 

พระพุทธเจ้าเป็นคนไม่พูดโกหกจึงพยายามตอบเลี่ยง ๆ ยังไม่เปิดเผยตัวตนกับกามนิตไปตรง ๆ ว่าตัวเองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แต่บอกแค่ว่าพูดไม่ได้เต็มปากว่าได้ยินจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในความหมายคือประมาณว่าไม่ได้ยิน แต่เป็นคนพูดออกมาเอง กามนิตก็ยิ่งเชิดใส่แล้วบอกว่า “ไม่จริงหรอก ท่านคิดไปเอง พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยตัวเอง ข้าจะไปฟังว่าพระองค์สอนอะไร แล้วข้าจะมาบอกท่านว่าท่านเข้าใจผิด จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าต้องสอนเรื่องสวรรค์-นรกแน่ ๆ ไม่มีทางที่พระองค์จะพูดถึงแต่เรื่องนิพพาน เรื่องการดับสูญ มันไม่มีความสุขเลย” หลังจากทั้งสองฝ่ายสนทนากันจบต่างฝ่ายก็รีบเข้านอน

 

กามนิตและพระพุทธเจ้า
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


ปรากฎว่าตื่นเช้ามา กามนิตไปได้ยินข่าวมาตอนนี้เหล่าสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เลยเมืองออกไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น และเหมือนกำลังตั้งขบวนรออะไรสักอย่างอยู่ กามนิตจึงคิดว่าพระพุทธเจ้าต้องอยู่ที่นั่นแน่ ๆ ดังนั้นกามนิตจึงรีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที โดยที่ใจของกามนิตจดจ่ออยู่แต่กับการจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่สนใจสิ่งรอบข้างใด ๆ ทั้งสิ้น บังเอิญแถวนั้นมีวัวตัวหนึ่งกำลังอาละวาดไล่ขวิดชาวบ้านอยู่ ทุกคนจึงหลบหนีกันหมด และมีคนคอยตะโกนว่า “ระวังวัวบ้า !!!” กามนิตที่จดจ่ออยู่แค่กับการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ยินคำที่คนอื่นเตือนเรื่องวัว สุดท้ายกามนิตโดนวัวขวิดจนบาดเจ็บสาหัสปางตาย

 

กามนิตถูกวัวขวิด
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)


แม้ว่ากามนิตจะเจ็บหนักจากการโดนวัวขวิด แต่สิ่งสุดท้ายที่กามนิตตั้งใจพยายามจะสื่อออกไปก็คือ “พาข้าไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเถอะ ขอแค่ได้กราบลงตรงเท้าของพระองค์ฉันก็จะสำเร็จและพ้นทุกข์ ฉันก็จะได้ไปสวรรค์แล้ว” ซึ่งก็ได้มีคนหนึ่งพูดขึ้นมากับกามนิตว่า “เหล่าสาวกของพระพุทธเจ้าที่อยู่นอกเมืองก็ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้พระองค์อยู่ที่ไหน เพราะว่าพระองค์ปลีกวิเวกไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเป็นที่ไหนก็ไม่รู้” เมื่อกามนิตได้ยินก็ทำให้สูญเสียกำลังใจ และขาดใจตายไปตรงนั้นทันที

 

กามนิตบาดเจ็บจากการถูกวัวขวิด
cr. หนังสือกามนิต (ฉบับการ์ตูน)

 

เนื้อเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการจบเรื่องราวของกามนิตในภาคพื้นดิน ซึ่งเรื่องกามนิตนั้นจะมีทั้งหมด 2 ภาค คือ ภาคพื้้นดิน และภาคสวรรค์ค่ะ แต่เนื่องจากเรื่องราวของกามนิตนั้นยาวมาก เราจึงจะมาต่อภาคสวรรค์ในบทความต่อไปนะคะ รับรองว่าภาคต่อของเรื่องกามนิตในภาคสรรค์นั้นสนุกแน่นอน และเราก็จะได้รู้ว่าในระหว่างที่เกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นกับกามนิตนั้น เกิดอะไรขึ้นกับวาสิฏฐีบ้าง ทำไมอยู่ ๆ วาสิฏฐีถึงได้แต่งงานกับสาตาเคียร และเกิดอะไรขึ้นกับองคุลีมาล ทำไมองคุลีมาลถึงกลายเป็นนักบวชได้ ตรงนี้ทุกคนจะได้รู้คำตอบกันในภาคต่อค่ะ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

“เมดูซ่า” เหยื่อของอำนาจทางเพศที่ถูกมองข้าม

วิเคราะห์ชีวิตของ “มารี อ็องตัวเนตต์” ราชินีแห่งฝรั่งเศส แย่จริง หรือ แค่แพะ ?

เปิดประวัติชานมไข่มุกแสนอร่อยที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน !

“วันทอง” หญิงปากร้ายยืนหนึ่งแห่งเมืองสุพรรณ

รวม WEBTOON อ่านสนุก เนื้อเรื่องน่าติดตาม

 

 

แหล่งข้อมูล

หนังสือ กามนิต (แปลโดย เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป)

เว็บไซต์หอสมุดวชิรญาณ

 
 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow