Gaslighting เป็นพฤติกรรมรูปแบบหนึ่งที่ใครบางคนตั้งใจที่จะบิดเบือนความเป็นจริงจากสิ่งที่เรารับรู้เพื่อประโยขน์ของพวกเขา หรือเพื่อให้ตัวเองไม่ผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ โดยศัพท์นี้มาจากสมัยก่อนที่คนใช้แก๊สในการจุดไฟให้ความสว่าง เมื่อคนหนึ่งดับไฟตะเกียง แต่อีกคนบอกว่าไม่ได้ดับ ยังสว่างอยู่และย้ำว่าเขาคิดไปเองทั้งที่มันดับจริง ๆ เมื่อพูดบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ เราก็จะเริ่มหลงเชื่อจนคิดว่าตัวเองบ้า เสียสติ เพราะในที่นี้เขาคือคนที่ปิดไฟให้มืดมน แต่หลอกลวงเราว่ายังมีแสงสว่างด้วยคำพูดเหล่านี้
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้น”
“เธอคิดไปเอง”
“เธอคงสับสนอีกแล้วซินะ”
“ทำไมเป็นคนดราม่าจัง”
“มันเป็นความผิดเธอทั้งนั้น”
“เธอเป็นคนอ่อนไหวเกินไป”
“เธอจำผิดแล้ว”
Gaslighting ถูกยอมรับทางกฎหมายในต่างประเทศแล้วว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายจิตวิญญาณอีกฝ่าย (Psychological Abuse) แม้ว่าจะไม่มีส่วนโดยตรง แต่ก็เป็นสาเหตุให้เกิดเหตุเลวร้ายได้ เช่น A ทำร้ายจิตใจทำให้ B รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดตลอดเวลา จากที่ B ปกติเป็นคนร่าเริง มั่นใจในตัวเอง ตั้งใจเรียน ก็เปลี่ยนไปทำตัวเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ซึมเศร้า จนในที่สุดตัดสินใจทำร้ายตัวเอง อีกตัวอย่างหนึ่งที่เราจะเห็นบ่อย ๆ คือการที่เราจับได้ว่าแฟนนอกใจ มีหลักฐานทุกอย่าง มีพยานรู้เห็นหลายคน แต่แฟนกลับบอกว่า เขาไม่ได้นอกใจ เขาไม่ได้ทำเลย เราขี้ระแวงเกินเหตุและไม่ได้รักเขาจริง ด้วยการเบี่ยงเบนประเด็นไปเป็นว่าเราผิดที่ไประแวงเขา ทั้งที่ความจริงแล้วเขานอกใจจริง ๆ สองเหตุการณ์นี้ก็คือตัวอย่างของพฤติกรรม Gaslighting ที่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียวแต่จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และใช้เวลา
โกหกหน้าตาย
เรารู้อยู่เต็มอกและเห็นเองกับตาว่าเขาโกหก แต่เขากลับโกหกหน้าตายว่าไม่ใช่ โกหกโต้ง ๆ จนคุณคิดว่าทำไมเขาถึงได้กล้าโกหกซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ? เพราะเขากำลังสร้างรูปแบบการล้างสมอง เมื่อเขาโกหกคุณซึ่ง ๆ หน้าได้ ต่อไปคุณก็จะเริ่มสับสนในตัวเองว่าใครกันแน่ที่สับสน เราหรือว่าเขา ทำให้คุณไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเห็นหรือเชื่อ
ชอบพูดว่า ‘ไม่เคยพูด’ แม้ว่าเราจะมีหลักฐาน
เรารู้ว่าเขาเคยพูดว่าอะไรชัดเจนหรือบอกว่าจะทำอะไรชัดเจน เรารู้ว่าเราเคยได้ยินและจำได้ แต่เขาจะปฏิเสธเสมอว่าไม่เคยพูด ไม่เคยทำ และมันจะทำให้เราตั้งคำถามถึงสิ่งที่เรารับรู้ ว่าบางทีเขาอาจจะไม่เคยพูดแบบนั้นจริง ๆ อย่างที่เขาปฏิเสธก็ได้ ยิ่งเขาทำแบบนี้บ่อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งสับสนระหว่างความจริงกับเรื่องโกหก จนเริ่มที่จะเชื่อเขา
ถูกเหยียบย้ำเรื่องปมด้อยประจำ
ถ้าเรามีปมด้อยในเรื่องอะไรก็ตาม เขาจะหยิบมันมาพูดตอกย้ำซ้ำเติมจนเราเสียศูนย์ เขาจะพูดซ้ำ ๆ ว่าเราบ้า เราเสียสติ เราดราม่า นิสัยทุกอย่างที่ไม่ดีเขาจะเอามาพูดจนเรารู้สึกไร้ค่า ไร้ตัวตน พูดบ่อย ๆ จนเราถูกทำให้เชื่อว่าตัวเองไร้ความสามารถที่จะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ใช้ชีวิตยากมาก ๆ ไม่สามารถเชื่อความคิดของตัวเองได้ ยกเว้นเชื่อเขาคนเดียว
ถูกทำให้รู้สึกว่าทำอะไรก็ผิด
นั่งเฉย ๆ ก็ผิด เขาจะทำให้เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดพลาดสาเหตุมันมาจากเราคนเดียว เราคือตัวปัญหาที่ต้องรับบท ‘ขอโทษ’ ตลอดเวลา แม้ว่าความจริงแล้วเราจะไม่ได้ทำผิดเลยก็ตาม แต่คุณก็ยังผิดอยู่ดี นานวันเข้าเมื่อเราติดกับ เรามักจะชอบหาข้ออ้างให้เขาอีกต่างหากเพราะเราถูกเสี้ยมมาตลอดว่า เราเป็นฝ่ายผิดอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
ถูกทำให้โดดเดี่ยว ตัวคนเดียว
ถ้าเขารู้ว่าเรามีเพื่อนรัก มีครอบครัวที่รักเรามาก ๆ เขาจะเริ่มโจมตีคนเหล่านั้นว่า คนพวกนั้นไม่จริงใจกับเรา อิจฉาเรา ไม่หวังดีกับเรา เพื่อที่จะให้เรารู้สึกว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เราต้องการ ด้วยการเริ่มใส่ร้ายคนที่รักเรา คนที่หวังดีกับเราทุกวิถีทาง เพื่อที่เราจะได้ไม่ไว้ใจใครนอกจากเขา จนเราตัดขาดกับทุกคน ไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัว ไม่มีสังคมอื่น และทำให้เราขี้ระแวงมากขึ้นเรื่อย ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘เขาชอบเราจริงไหม’ หรือแค่หาคนคุยแก้เบื่อ
อยากคุยแต่ไม่อยากคบ 'เป็นแค่คนคุย' ถ้าเจอแบบนี้เราควรจะทำยังไงต่อ
เรากำลังมีความรัก มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่หรือเปล่า ?
อย่าให้รักครั้งแรกเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทำยังไงดีหลังอกหัก
รู้จักอาการคลั่งรัก ‘Limerence’ คุณกำลังคลั่งรักใครอยู่หรือเปล่า
รู้จักรูปแบบของความผูกพัน เรามีความสัมพันธ์แบบไหนกับคนรอบข้าง
สัญญาณเตือนใจ รีบหนีให้ไกลจากคนแบบนี้
แหล่งข้อมูล
- 11 Warning Signs of Gaslighting
- Let’s Talk About Gaslighting