การเรียนต่อต่างประเทศอาจจะเป็นการตัดสินใจที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของใครหลาย ๆ คนได้ ฉะนั้นเราจำเป็นจำต้องถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่า เราอยากที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกจริง ๆ หรือเราแค่อยากจะหนีปัญหาชีวิตของเราเท่านั้น เพราะบางคนอาจจะแค่เบื่อสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อยากเปิดหูเปิดตาหาสิ่งใหม่ ๆ เท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้น การเรียนคอร์สระยะสั้นเพียงไม่กี่เดือนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอาจจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะถ้าหากเราไม่ได้คิดอยากจะไปเรียนต่อจริงจัง เราจะต้องทนเรียนที่นั่นไป 2-4 ปีเลย แต่ถ้าใครมั่นใจแล้วว่าอยากจะไปเรียนต่อจริง ๆ ก็ลุยกันเลย
มหาวิทยาลัยต่างประเทศส่วนใหญ่จะเปิดรับนักศึกษา 2 ช่วง คือ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว ซึ่งจะเปิดรับสมัครทางออนไลน์ประมาณ 4-5 เดือนก่อนเปิดเทอม โดยส่วนมากนักเรียนไทยจะไปช่วงประมาณเดือนกันยายน แต่ก็ต้องเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ และจัดหาที่พัก บางคนอาจต้องเรียนคอร์สภาษาหรือคอร์สปรับพื้นฐานก่อน
แต่เพื่อความแน่นอนเราควรเช็กข้อมูลจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่เราจะสมัครโดยตรง เพื่อจะได้ทราบกำหนดการที่ถูกต้อง และจะได้มีเวลาในการเตรียมเอกสารต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขอจดหมายแนะนำ ทรานสคริป ใบรับรองแพทย์ ฯลฯ รวมถึงคะแนนสอบบางอย่างที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ อย่างเช่นถ้าเราไปเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะต้องการคะแนนสอบ TOEFL และ IELTS หรือบางคอร์สก็ต้องการให้เรายื่นคะแนนสอบอื่น ๆ ด้วย เช่น GRE หรือ GMAT เพราะฉะนั้นเราควรดูรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัยให้ดี ว่าทางมหาวิทยาลัยต้องการให้เรายื่นคะแนนสอบอะไรบ้าง เราจะได้มีเวลาเตรียมตัวสอบตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง
อีกอย่างที่สำคัญมากและจะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือที่พักอาศัย เพราะไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยที่จะจัดสรรหอพักไว้ให้นักศึกษาต่างชาติ บางหออาจมีให้จองหรือชำระล่วงหน้า ตรงนี้ทุกคนต้องเช็กให้ดี เพราะถ้าหากเราไปแบบทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ที่พักอาศัยที่แน่นอนรับรองว่าแย่แน่ ๆ หากอยากเช่าหอพักข้างนอกควรหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาหลาย ๆ ที่ รวมถึงความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ และความสะดวกในการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ
เพื่อจะให้เราได้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น อาจจะลองใช้ Google Street หรือ Google Maps ดูว่าที่ที่เราจะอยู่นั้นเป็นอย่างไร การเดินทางสะดวกหรือไม่ เดินทางอย่างไรได้บ้าง หรือแม้กระทั่งในละแวกนั้นมีร้านค้าอะไรบ้างตามความต้องการของเรา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ให้เราประกอบการตัดสินใจได้ดีเลยทีเดียว
ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปเรียนต่อที่ประเทศไหนดี ลองมาดูประเทศเหล่านี้กัน ซึ่งเป็นประเทศที่น่าไปเรียนต่อมาก ๆ ทางเราได้รวบรวมมาไว้ให้ได้ดูกัน อาจจะตรงใจใครหลายคน มีประเทศอะไรบ้าง มาดูกันเลย
ประเทศญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นประเทศต้น ๆ ที่คนอยากเรียนต่อต่างประเทศมักจะเลือกเรียน เนื่องจากวัฒนธรรมแบบตะวันออกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่เราาจะได้สัมผัส อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยอย่างที่เราน่าจะพอรู้กัน พลเมืองที่ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นระเบียบ ความตั้งใจ ความอดทน และความตรงต่อเวลา ที่คนต่างชาติส่วนใหญ่จะชื่นชมประเทศญี่ปุ่นกันในเรื่องนี้มาก นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังได้รับการยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย เพราะมีกฎหมายที่แข็งแรง จึงไม่แปลกใจเลยที่คนส่วนใหญ่จะเลือกประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยากจะเรียนต่อ ซึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นคือกลุ่ม STEM
เชื่อว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศในฝันของใครหลายคน เพราะเป็นประเทศที่มีสภาวะแวดล้อมที่ดีมาก สามารถเข้าสู่ธรรมชาติได้ง่าย มีทั้งแม่น้ำ ภูเขา ทะเลสาบ ป่าไม้ และชายหาด คนในท้องถิ่นก็เป็นมิตรมาก ๆ ค่าครองชีพก็ต่ำ ค่ารถสาธารณะก็ไม่แพงมาก จึงเป็นประเทศที่ชาวต่างชาติหลายคนอยากเข้ามาเรียน และข้อดีของประเทศนี้ก็คือ นักเรียนต่างชาติไม่เยอะ คุณสมบัติที่จะเข้าเรียนปี 1 ของมหาวิทยาลัยที่นี่ส่วนใหญเข้าเรียนได้ง่ายกว่าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศอื่น ๆ การแข่งขันต่ำ เกรดปานกลาง โอกาสที่จะได้เข้าเรียนจึงมีมากขึ้น
ประเทศสวีเดนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นปลายทางชั้นนำของโลกสำหรับการเรียนต่อของนักศึกษาต่างชาติ เพราะมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยในเมือง โอกาสการทำงานหลังเรียนจบก็มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ค่าครองชีพในสวีเดนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษาอีกด้วย
แคนาดาเป็นประเทศที่ติดอันดับ Top 5 ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เพราะบ้านเมืองสะอาด เป็นระเบียบ ความปลอดภัยสูง และอาชญากรรมต่ำ แถมยังมีธรรมชาติที่งดงามมากมาย นอกจากนี้แคนาดายังมีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงมาก แต่ค่าเรียนต่ำ จึงทำให้นักเรียนต่างชาติให้ความสนใจที่จะเรียนต่อประเทศแคนาดากันมาก และนักเรียนยังสามารถทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนได้ด้วย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เหมาะกับผู้ที่มีใจรักในเสียงดนตรีและศิลปะมาก อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าในเมืองซิดนีย์มี Sydney Opera House ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่สำคัญคนออสเตรเลียชอบเล่นกีฬากลางแจ้งสุด ๆ ทำให้มีกีฬาหรือกิจกรรมเฉพาะฤดูกาลให้เราได้เลือกทำมากมาย เช่น สกี, สโนว์บอร์ด, กระดานโต้คลื่น และอีกเยอะแยะมากมาย รับรองว่าไม่น่าเบื่อแน่นอน ประเทศออสเตรเลียค่าครองชีพอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ก็ยังถือว่ามีข้อที่ได้เปรียบอยู่ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัจจัยจำกัด ระบบการศึกษาของที่นี่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับนักเรียนต่างชาติ ค่าใช้จ่ายในการศึกษาก็ต่ำกว่าหลายประเทศ และรัฐบาลออสเตรเลียก็มีการมอบทุนสนับสนุนโดยให้ทุนการศึกษากับนักเรียนต่างชาติอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย ข้อดีของประเทศนี้คือมีคนหลายเชื้อชาติ จึงหมดปัญหาการเหยียดผิว เพราะอยู่รวมกันหลายเชื้อชาติมานานแล้ว
ไอร์แลนด์เป็นประเทศเก่าแก่ มีธรรมชาติที่สวยงามและมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวโบราณและสวยงามให้สำรวจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นซากปรักหักพังของชาวไวกิ้ง หน้าผาสีเขียว ปราสาทต่าง ๆ และยังมีภาษาเกลิคให้ได้ศึกษากัน สิ่งเหล่านี้เหมาะสำหรับคนที่มีความสนใจด้านวรรณคดี ประวัติศาสตร์ ภาษา และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีมากเลยทีเดียว
เราเชื่อว่าแต่ละคนก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ประเทศทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างขึ้นมานี้ก็เป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น เพื่อจะเอาไว้ให้น้อง ๆ หรือผู้ที่สนใจมองไว้เป็นตัวเลือก ทุกประเทศต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป หลังจากที่ได้ดูประเทศใหม่ ๆ เพิ่มเติมกันไปบ้างแล้ว ตอนนี้บางคนอาจจะกำลังคิดว่าเราสามารถขอทุนการศึกษาได้ไหม ? แล้วตอนนี้มีประเทศอะไรที่มีทุนการศึกษาที่น่าสนใจบ้าง ?
หากเราได้รับทุนก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยทีเดียว เราจึงควรศึกษารายละเอียดหรือสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยไว้ให้ดี เพื่อจะได้เตรียมตัวและเตรียมเอกสารล่วงหน้า เพราะอาจจะมีการให้เรายื่นเอกสารต่าง ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ควรศึกษาให้ดีว่าทุนแต่ละทุนนั้นเป็นทุกแจกฟรีอะไรบ้าง ออกค่าใช้จ่ายอะไรให้เราบ้าง หรือเป็นทุนที่แจกฟรีทุกอย่าง เราสามารถหาดูทุนการศึกษาต่อต่างประเทศได้จากทางเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือจากเว็บของทางมหาวิทยาลัยโดยตรง ซึ่งบทความนี้ก็ได้รวบรวมทุนเรียนต่อต่างประเทศบางส่วนมาให้น้อง ๆ หรือผู้สนใจที่กำลังมองหาทุนเรียนต่อต่างประเทศฟรีได้เลือกดูกันคร่าว ๆ ด้วย
ระดับ: ปริญญาตรี, โท
มูลค่าทุนและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ: ได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียน และได้ค่าครองชีพประมาณ €8,000 ต่อปีการศึกษา (ประมาณ 290,000 บาท) ครอบคลุมระยะเวลาดังนี้
ปริญญาตรีและ Single-Cycle degree: มอบทุนให้สูงสุด 3 ปี
ปริญญาโท: มอบทุนให้สูงสุด 2 ปี
หลักสูตรที่เปิดรับ: สามารถเลือกเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทได้
ปริญญาตรี
• School of Agricultural Sciences and Veterinary Medicine
• School of Engineering
• School of Psychology
• School of Human and Social Sciences and Cultural Heritage
ปริญญาโท
• School of Agricultural Sciences and Veterinary Medicine
• School of Economics and Political Sciences
• School of Engineering
• School of Human and Social Sciences and Cultural Heritage
• School of Medicine
• School of Psychology
• School of Science
ระดับ: ปริญญาตรี, โท
มูลค่าทุนและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ: ค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก ค่าใช้จ่ายรายเดือน (ยกเว้นผู้ที่ได้รับทุน 4 สัปดาห์) ประกันสุขภาพ
ประเภททุนที่เปิดรับ
1. MTCSOL
สาขา: Teaching Chinese to Speakers of Other Languages (TCSOL)
ระยะเวลาเรียน: 2 ปี
คุณสมบัติ: ผู้สมัครจะต้องมีวุฒิปริญญาตรี รวมถึงมีคะแนน HSK ระดับ 5 อย่างน้อย 210 คะแนน และคะแนน HSKK (Intermediate Level) 60 คะแนน
2. BTCSOL
สาขา: Teaching Chinese to Speakers of Other Languages (TCSOL)
ระยะเวลาเรียน: 4 ปี
คุณสมบัติ: ผู้สมัครจะต้องมีวุฒิมัธยมปลาย รวมถึงมีคะแนน HSK ระดับ 4 อย่างน้อย 210 คะแนน และมีคะแนน HSKK (Intermediate Level) 60 คะแนน
ระดับ: ปริญญาตรี
มูลค่าทุนและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ: ทุนการศึกษาเต็มจำนวน ครอบคลุมระยะเวลา 4 ปี ดังนี้
• ค่าเล่าเรียน
• ค่าหอพักในมหาวิทยาลัย
• ค่าอาหาร
• ค่าประกันสุขภาพของมหาวิทยาลัย
• ค่าตำราเรียน
• ค่าแล็ปท็อป
• เงินสนับสนุน $12,000 ในส่วนของการเรียน งานวิจัย หรือฝึกงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน
หลักสูตรที่เปิดรับ:
• School of Architecture
• College of Arts and Sciences
• Miami Herbert Business School
• Rosenstiel School of Marine and Atmospheric Science
• School of Communication
• Frost School of Music
• School of Nursing and Health Studies
• School of Education and Human Development
• College of Engineering
ระดับ: ปริญญาตรี
มูลค่าทุนและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ: ทุนการศึกษาแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
• ทุนค่าเล่าเรียนมูลค่า $10,000 (ประมาณ 311,900 บาท) มอบให้ปีการศึกษาแรกในการเรียนหลักสูตรปริญญาตรี และมีค่าใช้จ่ายรายเดือนมูลค่า $2,000 (ประมาณ 62,380 บาท)
• ทุนการศึกษา 50% มอบให้เป็นระยะเวลา 3 ปีที่เรียนในหลักสูตรปริญญาตรี
• ทุนการศึกษา 100% ตลอดระยะเวลาที่เรียนปริญญาตรี
ระดับ: ปริญญาตรี, โท
มูลค่าและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ: ทางสถาบันมอบทุนทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
• Full Scholarship (ทุนเต็มจำนวน 100%)
• Excellence Scholarship (ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 40%)
• Distinction Scholarship (ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 20%)
ทุนฟรีทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นนะคะ ยังมีทุนให้เราเลือกสมัครได้อีกเยอะแยะมากมายหลายประเทศ หลายหลักสูตร น้อง ๆ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปค้นคว้าหาดูเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วไป หรือเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ สุดท้ายนี้ไม่ว่าน้อง ๆ จะเลือกเรียนต่อที่ประเทศไหนก็อยากให้ดูอย่างละเอียด หรือจะหาที่ปรึกษาใกล้ตัว เช่น ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ให้ช่วยดูให้ก็ได้นะ เพราะอาจจะได้รับคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกมหาวิทยาลัยเรียนเพิ่มขึ้นก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
เรียนสายไหนดีถ้าในอนาคตอยาก #ย้ายประเทศ
รีวิวชีวิตนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ ใครว่าชิลล์
รวมทริคการเรียน เรียนยังไงให้อนาคตมีงานทำในยุค New Normal
ทำไมนักเรียนฟินแลนด์ถึงเป็น ‘นักเรียนที่มีความสุข’ ที่สุดในโลก
เรียนภาษา ฝึกวิชาชีวิต ณ อินเดีย
เรียนที่ไหนก็เหมือนกันจริงเหรอ...เหมือนยังไง ? ไม่เหมือนยังไง
รวมวิชาสุดแปลกที่น่าเรียนจากทั่วโลก
อยากเก่งภาษา แต่ทำไมยิ่งเรียนยิ่งพูดไม่ได้ ?
ค้นหาคำตอบของระบบการศึกษาที่ดี ผ่านสารคดีการศึกษาน่าดูจากทั่วโลก
แหล่งข้อมูล
10 คำถามเช็คความพร้อมก่อนตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก
ผลสำรวจ “10 ประเทศน่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลก” ปี 2021 โดย Go Overseas
5 ประเทศติดเทรนด์น่าไปเรียนต่อ
ชี้เป้าทุนเรียนต่อฟรีต่างประเทศ จาก 8 มหาวิทยาลัยชื่อดังใน 4 ประเทศทวีปยุโรป