พร้อมเสียงคลื่นของน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง สายลมที่พัดพากลิ่นเค็ม ๆของน้ำทะเลกับทรายสีขาวนวล เท้าของเราที่สัมผัสกับความนิ่มของพื้นทราย ปราศจากขยะมารบกวนสายตาและจิตใจ ที่ชายหาดมีปู มีเต่าเดินเล่นนอนอาบแดดเปรียบดั่งมนุษย์ที่ต้องการนอนอาบแสงแดดใต้แสงพระอาทิตย์ คงจะดีถ้าเราได้สัมผัสกับบรรยากาศเหล่านั้นตามที่นึกคิด แต่ความเป็นจริงแล้วในปัจจุบันหาดทรายกับเต็มไปด้วยขยะ ธรรมชาติถูกรุกราม แม้แต่เต่าเองก็เกือบสูญพันธุ์
ได้แก่เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหัวค้อน เต่ามะเฟือง และเต่าหญ้า มีการวิจัยมาว่า สมัยเมื่อ 70 ปีก่อนนั้นเต่าจะขึ้นมาวางไข่ถึงปีละ 10,000 รัง แต่ปัจจุบันนั้นเต่าขึ้นมาวางไข่เพียง 500 รังเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุมีดังนี้
1. สมัยก่อนนิยมบริโภคไข่เต่า
2. กิจกรรมการประมง ซึ่งเกิดจากการที่เต่าติดอวนจับปลาทำให้เต่าไม่สามารถที่จะขึ้นมาหายใจได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เต่าตายถึง 74%
3. ความเจริญของบ้านเมือง เช่น เต่าคิดว่าไฟจราจรเป็นเส้นขอบฟ้าทำให้เต่าอาจจะได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ แนวสันกลั้นคลื่นทำให้เต่าไม่สามารถขึ้นมาวางไข่บนบกได้
4. สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงส่งผลให้การเกิดเพศของเต่าไม่สมดุล จำนวนเพศผู้เพศเมียไม่เท่ากันส่งผลทำให้การเกิดของเต่าลดน้องลง
5. ถุงพลาสติกขยะต่าง ๆ ที่มนุษย์เราทิ้งลงทะเล ทำให้เต่าคิดว่าขยะเหล่านี้เป็นอาหารและกินเข้าไป ส่งผลทำให้เต่ามีเศษขยะเข้าไปอุตันในร่างกายของเต่า
ซึ่งหากเรายังเพิกเฉยแล้วไม่ช่วยกัน อาจจะส่งผลทำให้ เต่า ตัวน้อย ๆ ที่อยู่ในนิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่านั้นคงจะอยู่ได้เพียงแค่ในนิทาน แล้วรุ่นลูกรุ่นหลานคงอาจจะไม่ได้เห็นเต่าตัวเป็น ๆ ทางองค์กร American Tortoise Rescue ซึ่งเป็นองค์ที่มีภารกิจเพื่ออนุรักษ์และช่วยเหลือเต่าบกและเต่าทะเล ตั้งอยู่ในรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เล็งเห็นถึงการให้ความรู้กับประชาชน และต้องการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์เต่า จึงได้กำหนดให้ วันที่ 23 พฤษภาคมของทุกปีเป็น 'วันเต่าโลก’ (World Turtle Day) โดย World Turtle Day Theme ปีนี้เป็น “Turtles Rock!” เพราะเต่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่หินที่มีขา
ที่มาของข้อมูล : https://www.nsm.or.th/other-service/680-online-science/knowledge-inventory/science-news/science-news-natural-history-museum/4147-sea-turtle-crisis.html