จริง ๆ คำว่าโง่มันดูแรงไปนิด คือไม่ว่าใครได้ยินก็คงจุก แต่มันก็ตรงประเด็นที่จะพูดแบบไม่ต้องอ้อมโลก ในภาษาไทยคำว่า ‘โง่’ มีความหมายว่า ‘โง่’ โดยไม่ได้แยกแยะความโง่ออกเป็นเฉดเหมือนฝรั่ง คนที่โง่เลขก็คือคนโง่, คนที่ไม่รู้ว่าโลกกลมก็คือคนโง่เหมือนกัน ต่างจากฝรั่งที่เขาจะมีคำที่เอาไว้ใช้เรียกคนโง่อยู่หลายคำ เพราะฝรั่งเขาเชื่อว่าคนโง่ไม่ได้มีแบบเดียว แต่มันมีอยู่หลายแบบคือ โง่เพราะไม่รู้กับโง่เพราะขาดความสามารถที่จะรู้นั้นไม่เหมือนกัน
ความโง่แบบ Imbecile เป็นความโง่เนื่องจากไร้ความสามารถที่ฝังลึกในระดับพันธุกรรม เปรียบเสมือนเด็กด้อยปัญญา เรียนรู้ช้า หรือคนที่ผิดปกติไม่ครบ 32 จึงทำให้เขาไม่มีความสามารถที่จะเรียนรู้ เข้าใจเรื่องบางเรื่องได้ เช่น คนที่เป็นโรคสมองฝ่อ สมองพิการ สมองเสื่อมขั้นรุนแรง วิกลจริต เจ็บป่วยไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งแม้จะสอนหรือบอกความจริง คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่ไม่สามารถที่จะรู้หรือทำตามได้ เนื่องจากไร้ความสามารถ การรักษาทาการแพทย์เท่านั้นที่จะช่วยให้เขาหาย
การกระทำโง่ ๆ ที่แล้วแต่สถานการณ์ มีสาเหตุมาจากการขาดสติ ไม่คิดหน้าคิดหลังไตร่ตรองให้ดีก่อนทำ จนทำให้ตัวเองเดือนร้อน คนอื่นเสียหายไปด้วย เช่น เมาแล้วขับ เป็นความโง่ที่ ‘รู้แต่ก็ยังทำ’ ไม่เกี่ยวกับความโง่ตามพันธุกรรม หรือการขาดความรู้ ขาดข้อมูล นอกจากนี้ยังหมายถึงคนที่ต่อให้มีคนมาบอกความจริง มีหลักฐาน มีพยานเป็นสิบ ๆ คนมายืนยัน แต่คนโง่แบบ Stupid ก็ยังคงตั้งหน้าที่จะเชื่อแบบเดิมอยู่ เนื่องจากต้องการบอกว่าฉันคิดอย่างนี้ ฉันเชื่ออย่างนี้ ฉันจะยืนหยัดอย่างนี้ (คาร์โล ซิโพลลา (Carlo Cipolla) ได้บอกไว้ในหนังสือกฎพื้นฐานของความโง่ของมนุษย์ว่าความโง่แบบ Stupid นี้อันตรายที่สุด)
ความโง่แบบ Ignorant เป็นความโง่เพราะไม่รู้ ขาดความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือแม้จะมีข้อมูล มีความจริง รู้หลักฐานต่าง ๆ อยู่รอบด้าน แต่เพิกเฉยมองข้าม ไม่สนใจที่จะศึกษาเพื่อทำให้ตัวเองกระจ่างมากขึ้นหรือที่เราเรียกว่า ‘บ้ง’ แต่เมื่อวันหนึ่งมีคนมาบอก มาสอนแล้วเขารู้ขึ้นมา เขาอาจจะทิ้งความโง่นั้นไป เช่น บางคนรับถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งตลอดเลย พอครูที่โรงเรียนสอนว่าพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งมันสร้างขยะโดยไม่จำเป็น เราก็เริ่มลด ละ เลิกใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
ความโง่แบบ Fool เป็นความโง่ในลักษณะที่ไม่เกี่ยวกับพันธุกรรม ความไม่รู้หรือขาดข้อมูล แต่โง่เพราะพลาดพลั้ง ทำอะไรเปิ่น ๆ เช่น สะดุดล้ม เดินชนโน้นชนนี่ ทำกาแฟหก และยังหมายถึงคนโง่เพราะถูกหลอกลวงได้ ตรงกับคำว่าโง่ในเพลง ‘รักแท้ไม่ได้แปลว่าโง่’ ของพี่ไผ่ พงศธร เพราะความโง่แบบ Fool คือถูกหลอกให้รัก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาหลอกแต่ก็ยังรักนั่นเอง เมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว ก็จะหายโง่ทันที (แต่ถ้ายังรักเขาต่อทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาหลอก จะเรียกความโง่แบบนี้ว่า Stupid)
แล้วครั้งหน้าจะมาเขียนเรื่องของความฉลาดบ้างนะคะว่าจะมีสักกี่เฉด แล้วเราฉลาดแบบไหน ฝากติดตามกันด้วยน๊า
บทความที่เกี่ยวข้อง
ความเป็นอัจฉริยะของคนเราอยู่ที่ไหน ? ทำไมบางคนถึงเป็น 'อัจฉริยะ'
4 คำถามถ้าอยากคิดวิเคราะห์เก่ง เพราะ 'Critical Thinking' นั้นสำคัญ
เทคนิคพัฒนาสมอง “ช่วยเพิ่ม IQ” เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้
รู้จัก 'Impostor Syndrome' โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง
เบื่อจัง ชีวิตจะเป็นอะไรได้อีก ถ้าหากไม่ได้เป็น ‘คนเรียนเก่ง’
แหล่งข้อมูล
Carlo M. Cipolla. (2563). โง่ศาสตร์: กฎพื้นฐานว่าด้วยความโง่เขลา. แปลจาก The Basic Laws of Human Stupidity. แปลโดยสุนันทา วรรณสินธ์. กรุงเทพฯ:บุ๊คสเคป