ภายในร่างกายของมนุษย์มีจุลินทรีย์อยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ฟังไจ ไวรัส อาร์เคีย (เคยอยู่ในกลุ่มของแบคทีเรีย) ซึ่งมีหลากหลากสายพันธุ์ รวม ๆ แล้วหลายพันล้านตัว หรืออาจกล่าวได้ว่ามีมากกว่าเซลล์ในร่างกายมนุษย์ถึง 10 เท่า มีน้ำหนักรวมกันได้ถึง 1.5 กิโลกรัมทีเดียว แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจุลินทรีย์ในร่างกายของเราจะเป็นแบคทีเรีย
แบคทีเรียในร่างกายของเราอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกเกิด ในช่วงระหว่างการคลอด โดยเมื่อทารกผ่านช่องคลอดออกมา หรือหากคลอดโดยการผ่าตัดก็จะได้สัมผัสกับผิวของแม่ ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดแรกที่มาตั้งรกรากอาศัยอยู่ในลำไส้ของทารกเพื่อช่วยในการย่อย หลังจากนั้นระหว่างที่ทารกกินนมแม่ พวกเขาก็จะได้สัมผัสกับผิวหนังของแม่และได้รับแบคทีเรียเพิ่ม
จุลินทรีย์ต่าง ๆ จะอาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์และมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนในระหว่างที่มนุษย์เติบโตขึ้นกระทั่ง 3 ขวบ โดยได้รับเพิ่มจากอาหารที่รับประทาน การคลาน การหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ เข้าปาก การเลียของเล่น และแหล่งอื่น ๆ ซึ่งนี่อาจเป็นที่มาของการที่ผู้สูงอายุมักพูดว่า เลี้ยงลูกให้เล่นเลอะเทอะบ้าง เด็กจะได้มีภูมิต้านทาน โดยปัจจัยที่ทำให้จุลินทรีย์ในร่างกายมนุษย์แตกต่างกันขึ้นกับอาหารที่รับประทาน สิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ ผู้คนและสัตว์ที่ปฏิสัมพันธ์ด้วย ซึ่งพวกมันอาศัยอยู่ทั่วไปในร่างกายมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ลำไส้ โพรงจมูก ทางเดินหายใจ ปาก หรือแม้แต่อวัยวะเพศ
ผิวหนังของคนเรามีพื้นที่อยู่ประมาณ 1.8 ตารางเมตร และมีแบคทีเรียอาศัยอยู่มากกว่า 1.5 ล้านล้านตัว แบคทีเรียบนผิวหนังมีหลายชนิดตามสภาพแวดล้อมที่เจริญเติบโต อาจเป็นบริเวณที่มีไขมัน เช่น ศีรษะ ลำคอ ลำตัว บริเวณที่มีความชื้น เช่น รอยพับ ระหว่างนิ้วเท้า และบริเวณที่แห้ง เช่น แขน ขา ซึ่งส่วนใหญ่มักมีภาวะอิงอาศัย (+,0 ภาวะที่เป็นประโยชน์ต่อแบคทีเรีย แต่ไม่ช่วยหรือทำอันตรายต่อโฮสต์) หรือภาวะพึ่งพาอาศัย (+,+ ภาวะที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งแบคทีเรียและโฮสต์) โดยบางส่วนช่วยต่อต้านแบคทีเรียที่เป็นเชื้อโรคด้วยการหลั่งสารบางอย่างออกมาเพื่อป้องกันจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ของพวกมัน บางส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
ในช่องปากของเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งมีแบคทีเรียอยู่ประมาณ 700 ชนิด รวมทั้งฟังไจ อาร์เคีย และไวรัส เนื่องจากในช่องปากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีพ คือ อบอุ่น มีความชื้น และเต็มไปด้วยอาหาร จุลินทรีย์โดยส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีบางชนิดที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือกลิ่นปากได้ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพปากและฟันก็คือการทำความสะอาด รักษาสุขอนามัยที่ดี นอกจากนี้ในบางครั้งแบคทีเรียในช่องปากยังอาจเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย เช่น ลำไส้ ปอด และอาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยร้ายแรงได้
ขณะที่แบคทีเรียภายในทางเดินหายใจ อาจมาจากภายนอกซึ่งมาจากการหายใจ บางชนิดเป็นอันตราย แต่เยื่อบุในโพรงจมูกและทางเดินหายใจจะผลิตเมือกออกมาเพื่อดักจับแบคทีเรียเหล่านี้ เป็นแนวป้องกันแรกก่อนที่พวกมันจะเข้าสู่ร่างกายของเรา
ลำไส้ของมนุษย์เป็นอีกที่หนึ่งที่มีจุลินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก และที่นี่พวกมันตั้งรกรากกันอยู่จนกลายเป็นระบบนิเวศเล็ก ๆ โดยประกอบด้วยแบคทีเรียเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 1,200 ชนิด ซึ่งพวกมันมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญให้มากขึ้นได้ ช่วยผลิตเอนไซม์บางอย่างที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร สร้างวิตามินบี 12 หรือวิตามินเคที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยการสื่อสารระหว่างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ควบคุมการตอบสนองต่อการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางอย่าง เช่น โรคอ้วน โรคหอบหืด นอกจากนี้งานวิจัยใหม่ ๆ บางชิ้นยังคาดว่าจุลินทรีย์เหล่านี้อาจมีบทบาทรวมไปถึงการช่วยควบคุมการทำงานบางอย่างของสมองด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเกิดความไม่สมดุลระหว่างแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพกับแบคทีเรียร้ายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา โดยแบคทีเรียดีมีอยู่น้อย ก็อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขึ้นมาได้เช่นกัน เรียกว่า "Gut dysbiosis"
แบคทีเรียที่อาศัยอยู่บริเวณช่องคลอดมีประมาณ 300 สายพันธุ์ และส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียที่มีกรดแลกติก ซึ่งช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดบริเวณดังกล่าว ป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ประเภทอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- รู้หรือไม่ ? มีแบคทีเรียมากมายในดวงตาของเรา
- ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ (Interspecies Interactions)
- ไวรัสกับแบคทีเรียต่างกันอย่างไร