อาการอ่านหนังสือไม่เข้าหัวเป็นการแสดงออกของสมองที่อ่อนล้า ร่างกายเกิดความเครียด เริ่มกดดัน กล้ามเนื้อล้า สาเหตุอาจจะมาจากอากาศที่ร้อนก็ได้ เราโหมอ่านหนังสือมาหลายชั่วโมงไม่ได้พัก ไม่จิบน้ำระหว่างอ่านหนังสือจนร่างกายขาดออกซิเจน ทางที่ดีอย่าฝืนอ่านต่อเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีว่าแค่ได้อ่านหนังสือ (ทั้งที่อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง) วางหนังสือลงแล้วออกไปเดินเล่น กินอะไรเบา ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ เปลี่ยนบรรยากาศไปทำอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านอีกทีดีกว่า
คือชอบอ่านหนังสือ ทำรายงาน ทำการบ้าน เตรียมพรีเซนต์ก่อนเดดไลน์หนึ่งวัน สไตล์ One Night Miracle ไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับทุกคน มันอาจจะเวิร์กสำหรับบางคน แต่ก็อาจไม่เวิร์กสำหรับหลายคน ทั้งนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดี การโหมอ่านหนังสือทุกวิชาด้วยการบังคับสมองให้จำบทเรียนจำนวนมากมีผลทำให้สมองล้า จำสับสน เกิดความเครียด ไม่มีสมาธิ และอาจส่งผลให้ทำข้อสอบผิดหรือตัดสินใจพลาดได้
นิสัยไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ถาม ไม่ใช่แค่ไม่ดีต่อการเรียน แต่ยังไม่ดีเมื่อติดนิสัยเอาไปใช้เมื่อโตขึ้นแล้วต้องทำงานอีกด้วย บางคนอาจอายไม่กล้าถาม ไม่อยากดูโง่เลยไม่ถาม แล้วชอบคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปเสิร์ชกูเกิลเอาทีหลัง สุดท้ายก็ลืม ทางที่ดีเราควรจะฝึกตัวเองให้รู้จักถามเมื่อเกิดความสงสัย ไม่เข้าใจ หรือแม้จะเข้าใจดี การถามเป็นการต่อยอดความคิดเมื่อถามมากกว่าคำว่า “ทำไม” และ “ถ้า … แล้วจะเป็นอย่างไร” มันเป็นคำถามที่สร้างสรรค์มาก ๆ
การบ้านมันถูกคิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้เรียนได้ทบทวนเนื้อหาที่เรียนว่าเข้าใจหรือเปล่า แม้บางทีจะเยอะแต่ก็เป็นประโยชน์กับคนที่ทำทั้งสิ้น ทีนี้ถ้าเราไม่ทำการบ้านด้วยตัวเองเลย แต่ยอมมาแต่เช้าเพื่อลอกเพื่อนอย่างเดียว นอกจากจะไม่ได้ทบทวนความรู้แล้ว การลอกเนี่ยมันยังเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีมาก ๆ หากลองได้ลอกการบ้านแล้ว ในอนาคตก็คงอาจติดนิสัยขี้ลอกงานอื่น ๆ ทำให้คิดไม่เป็นเมื่อต้องเรียนในชั้นที่สูงขึ้นที่ที่ทุกคนต้องปล่อยของออกมา
นิสัยไม่ตั้งใจเรียนในห้องถือเป็นนิสัยที่ควรเลิกเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ การตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจและหมั่นทบทวนบทเรียนมาโดยตลอด จะช่วยลดระยะเวลาในการอ่านหนังสือช่วงสอบได้เยอะ ในขณะที่คนที่ไม่ตั้งใจเรียนในห้อง เขาก็จะต้องอ่านเยอะกว่า ความแม่นยำก็จะน้อยกว่า พลาดได้มากกว่า ดังนั้นเมื่อเข้าเรียนก็ควรตั้งใจเรียนให้เต็มที่
ว่ากันว่าห้องเรียนที่แท้จริงคือโลกที่อยู่นอกห้องเรียน เมื่อก้าวขาออกมาจากห้องเรียนแล้วโลกใบนี้คือห้องเรียนอีกห้องที่เราควรจะเรียนรู้และตามให้ทัน การเรียนในห้องเป็นพื้นฐานที่ดีให้กับเรา (แต่บางความรู้ไม่ได้เอามาใช้งานจริง) การเรียนนอกห้องเรียนจะช่วยต่อยอด ช่วยให้เรามองเห็นเทรนด์ใหม่ ๆ เพราะมีความรู้มากมายที่อัพเดทใหม่กว่าเรียนในห้อง เราสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่สนใจได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้เราเรียนในห้องเรียนได้อย่างมีเป้าหมายมากขึ้นอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
แค่สอบตกไม่ได้เป็นโรคร้าย ความในใจ 5 ข้อของเด็กสอบตก
คะแนนสอบน้อยไม่ต้องเซ็งนาน เรามีอะไรจะเล่าให้ฟัง !
ทำไมถึงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ยิ่งอ่านยิ่งไม่มีสมาธิ ?
วิธีปรับ Mindset ปลุก Passion ปลดล็อคความสามารถเจ๋ง ๆ ในตัวเอง
รวมเคล็ดลับลดความกดดันไม่ให้เสียสมาธิเวลาสอบ
nput & Output วิธีจดจำเนื้อหาให้ได้มากกว่า 90% โดยจิตแพทย์ญี่ปุ่น
เทคนิคจด Short Note ให้อ่านง่ายจำแม่น
อยากเก่งภาษา แต่ทำไมยิ่งเรียนยิ่งพูดไม่ได้ ?
รวมทริคการเรียน เรียนยังไงให้อนาคตมีงานทำในยุค New Normal
9 อาหารช่วยเพิ่มความจำ ที่อยากแนะนำให้กินช่วงอ่านหนังสือสอบ
ตั้งใจเรียน ไม่เคยเท แต่ทำไมเกรดตก นี่เราพลาดอะไรไป ?
แหล่งข้อมูล
8 Bad Habits Successful Students Don’t Have… And How to Avoid Them