• ห้ามให้กำลังใจ ไม่ควรพูดกับคนป่วยว่า “สู้ ๆ นะ” หรือ “คิดในแง่ดีเข้าไว้”
• ห้ามกล่าวโทษ ห้ามโทษผู้ป่วยว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา หรือพอป่วยแล้วก็ทำอะไรไม่ดีสักอย่าง
• ห้ามโต้แย้ง ถ้าผู้ป่วยระบายความรู้สึกออกมา เราควรรับฟังอย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่ควรไปโต้แย้งว่าสิ่งที่เขาพูดมันผิด
เพราะมันเป็นคำพูดที่คนเป็นโรคซึมเศร้าฟังแล้วอาจมีความรู้สึกเชิงลบได้
“เลิกเศร้าได้แล้ว”
"เรื่องมันแค่นี้เองนะ”
“อย่าคิดมากเลย”
“อย่าท้อดิ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
“แกทำได้นะ พยายามหน่อยดิ”
“จะร้องไห้ทำไม จะเศร้าอีกนานไหม”
“สู้ ๆ นะ”
ใครที่อยากให้กำลังใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เราขอแนะนำประโยคเหล่านี้ เพราะผู้ป่วยฟังแล้วจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้น
“เราจะคอยอยู่ข้าง ๆ แก”
“มีอะไรบอกเราได้นะ เราพร้อมจะช่วยเสมอ”
“พวกเราจะไม่ทิ้งเธอไปไหน”
“แกไม่ได้อยู่คนเดียวนะ”
“เราเข้าใจในสิ่งที่แกทำ”
“แกทำดีที่สุดแล้ว ณ เวลานี้”
“แกเก่งมากที่สามารถก้าวข้ามเรื่องเลวร้ายมาได้”
“เราทุกคนรักและเป็นห่วงแกเสมอนะ”
การที่เรามีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีอาการดีขึ้น หรืออาการไม่แย่ลงไปกว่าเดิม เราสามารถนำข้อแนะนำ 5 ข้อนี้ไปใช้ได้หมดทั้งกับเพื่อน คนรู้จัก คนรัก หรือคนในครอบครัว ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ใส่ใจ อย่าทอดทิ้งผู้ป่วย
แน่นอนว่าถ้าเพื่อนหรือคนในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า เราจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องเป็นคนคอยกระตุ้นให้เขาไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา หรือไม่ก็ต้องเป็นเพื่อนไปโรงพยาบาลกับเขา เพื่อที่เขาจะได้รู้สึึกว่าไม่โดดเดี่ยว ไม่ถูกทอดทิ้ง เราควรอยู่เคียงข้างตลอดการรักษาของเขา และต้องจำไว้เสมอว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับอารมณ์ซึมเศร้าของผู้ป่วยมากเกินไปด้วย
เพราะฉะนั้นเมื่อพบเจอเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เราต้องใส่ใจและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้อาการของเขาดีขึ้น
รับฟังและไม่ตัดสิน
เวลาที่ผู้ป่วยระบายความรู้สึกออกมา เราต้องจำไว้เสมอว่าห้ามพูดแทรกเด็ดขาด เราควรอดทนรอให้ผู้ป่วยพูดจนจบก่อน เมื่อเขาได้ระบายความรู้สึกออกมาจนหมด เขาจะรู้สึกดีขึ้น และเราไม่ควรตัดสินหรือโต้แย้งผู้ป่วยด้วย เราควรเป็นแค่ผู้ฟังที่ดี รับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา และเข้าใจว่าตอนนี้เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่
ห้ามเมินผู้ป่วย ห้ามทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
ผู้ป่วยโรคซึึมเศร้าอาจปฏิเสธที่จะพูดคุยกับคนอื่น ซึ่งรวมถึงคนรอบข้างและคนที่สนิทด้วย แน่นอนว่าเราอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเราจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ถึงแม้ผู้ป่วยจะปฏิเสธ แต่เราห้ามเมินเฉยใส่เขา เราควรอยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ ในทุกช่วงเวลาของการรักษา การคอยอยู่เคียงข้างถือเป็นการช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ
ชวนออกไปเที่ยว ออกไปทำกิจกรรมด้วยกัน
ลองชวนผู้ป่วยออกไปเดินเล่น ไปออกกำลังกาย หรือชวนไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่เขาต้องยินยอมที่จะไปด้วยตัวเองนะ เราต้องไม่ไปบังคับเขาเด็ดขาด ถ้าเขาไม่อยากไปก็คือไม่อยากไป ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่อยากออกมาข้างนอก เราสามารถถามเขาได้ว่าอยากทำกิจกรรมอะไรด้วยกันมั้ย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำอาหาร เป็นต้น เน้นกิจกรรมที่ทำแล้วผ่อนคลายและเป็นกิจกรรมที่เขาชอบหรือสนใจจะดีทีี่สุด
ชักชวนให้ไปพบแพทย์
บางครั้งผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกไม่อยากไปพบแพทย์ หรือไม่กล้าไปพบแพทย์ เรานี่แหละที่จะต้องรับบทบาทคอยชักชวนให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์ให้ได้ เพื่อให้เขาได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เราควรทำคือให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่า มันไม่จำเป็นต้องรับการรักษาตลอดไปนะ เมื่อการรักษาสิ้นสุดลง อาการป่วยก็จะดีขึ้นมาก
นอกจากการรักษากับแพทย์แล้ว คนรอบข้างหรือคนในครอบครัวก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีอาการดีขึ้นได้ คนรอบข้างจึงควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่าจะพูดคุยหรือปฏิบัติกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้ายังไง และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะต้องไม่ดำดิ่งไปกับอารมณ์ซึมเศร้าของผู้ป่วยเด็ดขาด ขอให้อดทน และดูแลสุขภาพใจของตัวเองให้ดีด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
A Teen’s Guide to Survive Depression โรคซึมเศร้าในวัยรุ่น
การเป็นผู้ฟังที่ดี หนึ่งในทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
โรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคจริงเหรอ ? รวมเรื่องที่เข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
ดูแลสุขภาพใจยังไง ให้ใจไม่ TOXIC ชีวิตแฮปปี้
รวมคำพูดที่ควรพูดกับตัวเองบ่อย ๆ จะช่วยเพิ่มพลังใจ & เพิ่มพลังบวกให้ชีวิต
วิธีรับมือกับความเจ็บปวดและความเครียด
‘อ้อมกอดผีเสื้อ’ วิธีบำบัดจิตใจให้ผ่อนคลายจากซีรีส์เกาหลีที่ใช้ได้จริง
แหล่งข้อมูล
หลินอวี๋เหิง และ ไป๋หลิน. (2562). ซึมเศร้า...เล่าได้. แปลจาก When Depressy Strikes Hold It Tight. แปลโดยอังค์วรา กุลวรรณวิิจิตร. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์