คำว่า ‘เก่ง’ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเรียนเก่งเท่านั้น แต่ยังหมายถึงใช้ชีวิตเก่ง เล่นกีฬาเก่ง ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างสมูท ลื่นไหล ไม่เครียด และมีความสุข เรียกว่าเป็นทักษะที่เราควรจะฝึกทุกวันให้เป็นกิจวัตรประจำวันเพราะเป็นวิธีคิดที่มีประโยชน์ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่อง  

มองมุมกลับ กลับมุมมอง

การมองมุมกลับจะช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้น กิจวัตรประจำวันที่จะทำให้เรามีความอดทนมากขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก็คือ การพยายามมองมุมกลับ ปรับมุมมอง วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยมุมกลับ เช่น ถ้าเราเป็นลูกก็ลองมองในมุมของพ่อแม่ดูซิ ถ้าเราเป็นเพื่อนก็ลองมองมุมของเพื่อนเราซิ แล้วเราจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมเขาถึงได้ทำในสิ่งที่เขาทำ โดยที่เราอาจไม่ต้องชอบก็ได้ แต่เราจะเข้าใจเขามากขึ้น ถ้าเราทำได้เราจะไม่หงุดหงิดง่าย ไม่โมโห และดีลกับคนได้ทุกแบบเลย

มีตารางเวลาที่แน่ชัด

หากเราไม่รู้จักแบ่งเวลา เวลาที่มีค่าของเราก็จะถูกคนอื่นปล้นไป หลายคนมีความอยากจะไปเรียนว่ายน้ำ อ่านหนังสือนอกเวลา ฝึกภาษาเกาหลี แต่ไม่เคยทำได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้เลย หลัก ๆ ไม่ใช่เพราะไม่มีเวลาหรอก ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมง แต่เป็นเพราะไม่เคยคิดที่จะหาเวลาให้สิ่งที่อยากทำเองต่างหาก การฝึกให้ตัวเองรู้จักแบ่งเวลาให้แต่ละเป้าหมายจะทำให้เราเก่งขึ้นและรอบรู้ขึ้นได้ เพราะถ้าเรามัวแต่สแตนด์บายให้กับเรื่องของคนอื่นตลอดเวลา แล้วเราจะมีเวลาให้กับตัวเองได้ยังไง ? คำตอบคือต้องชิงเวลาให้ตัวเองไว้ก่อนให้คนอื่น 

ปัญหาไม่ใช่ศัตรู 

บางคนเมื่อเจอปัญหาก็ส่ายหน้าหนี จ้องแต่จะผลักปัญหาออกไปหรือโบ้ยว่าเป็นความผิดของคนอื่น อย่าหลีกเลี่ยงปัญหาที่ต้องเผชิญเพราะปัญหาจะยิ่งหยั่งรากลึก ยิ่งปล่อยไว้นานก็จะยิ่งแก้ยาก คนที่ทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่นักเพ้อฝัน แต่เป็นนักคิดที่ยึดถือความจริง (Hyperrealism) การวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหานั้นใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึง 60 นาทีเท่านั้น ยอมรับความเป็นจริงและจัดการกับมันไป สิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรกเลยคือการยอมรับว่าคุณไม่ได้แบกรับทุกอย่างบนโลกไว้คนเดียว คนข้าง ๆ หรือคนรอบตัวเราก็สามารถที่จะแบ่งเบาเราได้   

มีความยืดหยุ่นสูง

หลายคนคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนพิเศษ แต่ความจริงแล้วคนที่ประสบความสำเร็จก็เหมือนคนทั่ว ๆ ไป พวกเขาทำเรื่องที่ผิดพลาด ล้มเหลว พวกเขาต้องดิ้นรนและต่อสู้กับความอ่อนแอของตัวเอง คิดหาวิธีที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นด้วยวิธีใหม่ ๆ เป็นคนประเภทที่ว่าเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จจะพูดว่า “ช่างมันเถอะ เครียดไปก็ไม่ได้อะไร” แล้วหาทางใหม่ ๆ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้

หาวิธีผ่อนคลายตัวเอง

การรู้จักผ่อนคลายตัวเองจะช่วยลดความตึงเครียดในชีวิตได้ ทั้งนี้ต้องเป็นการผ่อนคลายตัวเองที่ดีอีกด้วย (ไม่ใช่เครียดแล้วดื่มเหล้า ทะเลาะกับแฟนแล้วสูบบุหรี่) หาวิธีผ่อนคลายตัวเองที่ทำแล้วมีความสุข ดีต่อสุขภาพจิต เช่น ออกกำลังกาย วิ่ง ทำสมาธิ ฯลฯ เพื่อเวลาที่เราเครียดมาก ๆ ปรี๊ดแตกไม่ไหว เราจะได้มีแผนการณ์รับมือไม่ให้สติแตกกระเจิง ประมาณว่าเครียดปุ๊บจะไปทำสิ่งนี้ทันทีเพราะสมัยนี้ใครใจเย็นได้เร็วกว่าถือว่าได้เปรียบเลยนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

‘AQ’ ทักษะจำเป็นในวันที่โลกหมุนเร็วจนตามไม่ทัน

เคล็ดลับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนชอบลงมือทำจาก Stanford

รู้จัก 'Impostor Syndrome' โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง

เทคนิคเพิ่มพลังสมองตั้งแต่ตื่นนอน ช่วยปลุกให้ร่างกายสดชื่น

ฝึก ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ เคล็ดไม่ลับอัปผลการเรียนให้ดีขึ้น

เทคนิคการแบ่งเวลาแบบ ‘มะเขือเทศ’ ที่จะช่วยให้การโฟกัสเป็นเรื่องง่ายขึ้น

11 พอดแคสต์น่าฟัง สำหรับวัยรุ่น-วัยเรียน

Input & Output วิธีจดจำเนื้อหาให้ได้มากกว่า 90% โดยจิตแพทย์ญี่ปุ่น

เทคนิคพัฒนาสมอง “ช่วยเพิ่ม IQ” เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้

แหล่งข้อมูล

- Ray Dalio. (2562). Principles. แปลจาก Principles: Life and Work by Ray Dalio. แปลโดยจอมทรัพย์ สิทธิพิทยา. กรุงเทพฯ: เอ็นซิกซ์พับลิชชิ่ง