องค์ภาวนานี้จะคุ้มครองภัยโยม ไม่ว่าโรคระบาดก็ตาม มันจะเป็นภูมิคุ้มกัน
ให้น้อมบุญกุศลที่เกิดขึ้นจาก ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา ที่เราได้ปฏิบัติมาอุทิศไปให้เชื้อโรค ให้เขามารับอนุโมทนาเอาส่วนบุญส่วนกุศลจากเรา อย่าได้เบียดเบียน ทำลายชีวิตมนุษย์ มันจะเป็นบาปเป็นกรรมต่อกัน
และให้พวกเราชาวพุทธ ไม่ตื่นตระหนก ตกใจ จนเป็นกลายเป็นมงคลตื่นข่าว
ให้มีจิตตั้งมั่น ยึดพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง
ถ้าหากเรายึด พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะเป็นที่พึ่งจริง ท่านเป็นของขลังของศักดิ์สิทธิ์ คุณของท่านจะคุ้มครองพวกเราทั้งหลายเอง
ปุจฉา :
"หลวงปู่เจ้าคะ เรื่องโรคระบาดที่มันระบาดมากมาย ขยายเป็นวงกว้างมาก จะแก้ไขได้มั้ยคะ?"
วิสัชชนา :
"ก็ทำให้มันแคบลงสิ เราอย่าไปที่มันเป็นชุมชน ที่มันเป็นชุมนุม
เราอยู่ในที่ของเรา อยู่ที่มันสงบ เค้าจะไม่แพร่กระจาย
อะไรที่มันไม่สงบ มันแพร่กระจายได้ไว
เหมือนอารมณ์ของจิต ถ้าจิตโยมไม่สงบมันจะแพร่กระจายไปยังที่คนอื่น
มันไปสร้างเวรสร้างพยาบาท แต่ถ้าจิตเราสงบแล้ว เยือกเย็นแล้ว อารมณ์เหล่านั้นจะแพร่กระจายได้มั้ย
...................................................................
ปุจฉา :
"หลวงปู่เจ้าคะ อย่างเรานี่ เราไม่ไปที่แออัด หรือที่ ๆ มีคนเยอะ
แต่คนทำงาน หรือลูกต้องไปโรงเรียน ต้องไปในที่ชุมชน อย่างเช่น เดินทางรถเมล์หรือรถไฟฟ้า ต้องเจอผู้คน เราจะช่วยเค้ายังไงคะไม่ให้ติดต่อ?"
วิสัชชนา :
"โยมต้องเข้าใจคำว่า"กรรม" อะไรจะเป็นกรรม
..ไม่ว่าโยมจะไปอยู่กับคนที่เป็น เมื่อโยมไม่ส่งจิตออกไปภายนอก จิตโยมมีภาวนาแห่งจิต มีองค์บริกรรม
จิตโยมก็ไม่ติดเชื้อ เพราะในขณะจิตที่โยมภาวนาอยู่ จะมีกระแสแห่งพระรัตนตรัยคุ้มครอง ก็คืออำนาจแห่งศีล
โยมก็สอนให้ลูกหลานภาวนาสิ มันยากมั้ย
(ศิษย์ : ไม่ยากแต่เค้าอาจจะยาก) เค้าอาจจะไม่ชอบพุทโธก็ได้ เค้าอยากภาวนาอะไรให้เค้าภาวนาไป
แต่คนเรามันกลัวตายเหมือนกันทั้งนั้น
เอาสิ่งที่กลัวนี้แหละบอกเค้า
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ จงจำเอาไว้
ถ้าเรามีองค์ภาวนาแล้วจิตเราไม่ส่งออกไปภายนอก เชื้ออะไรก็ตามมันก็เข้าเราได้ยาก ถ้าเข้า มันก็ออก ทำไมมันเข้าแล้วมันถึงอยู่ไม่ได้ แล้วมันถึงออก
ก็จิตเรานั้นไม่ได้ไปกักอารมณ์นั้นไว้ มีจิตที่ปล่อยวางและมีองค์ภาวนาอยู่
เค้าเรียกว่าเชื้ออะไรก็ตาม วิญญาณอะไรก็ตาม
มันก็จะผ่านไป
ถ้าเค้าไม่เชื่อก็ไม่มีอะไรจะบังคับเค้าได้
นอกจากให้กรรมนั้นมันให้ผล
คำว่า "รักษา" หมายถึงว่า
แม้จะเป็นโรคเป็นภัยก็ต้องมีหมอดีรักษา แล้วยาดีอะไรก็จะเจอ
แต่คนที่มีกรรมแม้มีเงินมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถรักษาได้
เพราะเรียกว่ายาไม่ถูกกับโรค รักษาไม่ถูกหมอ
ดังนั้นแล้ว ขอให้โยมจงมีองค์ภาวนา
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องไปที่ตรงที่มีชุมชนมากก็ดี ให้เรามีสติมีองค์ภาวนาไว้
เชื้อโรคทั้งหลายมันไม่ค่อยชอบอากาศที่ถ่ายเท
การที่เราภาวนาจิตอยู่ ลมหายใจเราเดินสะดวก อากาศถ่ายเทดี เชื้อโรคพวกนี้ไม่ชอบอยู่
แต่ไอ้พวกที่มีจิตอาฆาตพยาบาทจิตอิจฉาริษยา จิตที่มีโลภมีโกรธมีหลงอยู่ แต่ไม่รู้อารมณ์ของตัวเองนี้แล
มันจะดึงพวกเชื้อพวกนี้เข้ามาได้ง่าย
แม้เราไม่ตายด้วยโรคนี้ เราก็ต้องตายด้วยโรคอื่น
อย่าได้ไปกลัวโรคเลย เพราะตัวเราก็เต็มไปด้วยสารพัดโรค
จะเพิ่มอีกซักโรคจะเป็นอะไรไป
...................................................................
ปุจฉา :
"แล้วกรณีคนที่เป็นแล้ว มีวิธีการวางจิตยังไงล่ะคะ ?"
วิสัชชนา :
"เออ ไม่ต้องไปวางใจ ก็เตรียมตัวตาย
โยมเชื่อกรรมเถอะ ถ้าโยมเชื่อกรรมแล้ว โยมจะมีสติ
คือ ยอมรับความเป็นจริง กรรมอันใดที่เราไม่เคยทำมา ถึงแม้เราจะเจอ เราก็จะพ้นมันได้
แต่ถ้าเราทำมา แม้โยมไม่อยากเจอก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอให้โยมมีองค์ภาวนาไว้
โรคภัยที่มันมาตอนนี้ มันก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรอย่างหนึ่ง มันมากับอากาศ
เจ้ากรรมนายเวรมันมาหลายรูปแบบ
คำว่า เจ้ากรรมนายเวร ทำไมจึงเป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็สิ่งที่เราไม่สามารถเหนือมันได้
มันจึงเรียกเป็นเจ้ากรรมนายเวรเหนือเรา
ถ้าโยมอยู่เหนืออารมณ์เท่าทันอารมณ์ได้ ถ้าโยมควบคุมได้โยมจะเห็นกรรม
เมื่อเห็นกรรมแล้วก็ไม่อยากเป็นเวรเป็นภัยกับใคร
เมื่อไม่อยากเป็นเวรเป็นภัยกับใคร เจริญเมตตาอโหสิกรรมอยู่บ่อย ๆ
เวรพยาบาทมันก็เบาบาง จนจิตเราไม่มีความอาฆาตพยาบาท
มีแต่ความคิดดีปรารถนาดีกับคนอื่นอย่างนี้ สิ่งนี้ต่างหากที่จะปกป้องเรา
เมื่อเราอยู่เหนืออารมณ์ เราก็อยู่เหนือกรรม
คำว่าอยู่เหนือกรรมไม่ได้บอกว่า จะพ้นกรรม
แต่คนที่มันเจอวิบากกรรมตอนนี้ เค้าเรียกว่ากรรมมันให้ผล
ดังนั้นโยมต้องรักษากายสังขารไว้ให้ดี ให้รอดพ้นจากช่วงเวลานี้ไป
โยมพ้นปีนี้ไปได้โยมก็หายใจคล่องขึ้นอีกหน่อย
ปีนี้หายใจฝืด เพราะอากาศเป็นพิษ..
.........................................................
ที่มาจาก เพจ ธรรมะมหัศจรรย์ ตามรอยธรรมสมเด็จโต