ปลูกนิสัยรักสุขภาพนั้นมีแต่ได้กับได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ทุกคน รักสุขภาพในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การลดน้ำหนักเพื่อรูปร่างที่ดีเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการรู้จักเลือกกินอาหารที่ไม่หวาน มัน เค็มจนเกินไป รู้จักออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่นั่งติดกับที่นาน ๆ ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ สุขภาพที่ดีมีแต่จะทำให้เรามีแรงทำกิจกรรม เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีสมาธิมากขึ้น
ถ้าไม่อยากร่างพังเร็ว การปลูกนิสัยรักสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้เราได้เปรียบหลายด้าน สุขภาพกายดี จิตใจก็ย่อมดีตามมา รูปร่างดี ความมั่นใจ ความสดใสก็จะตามมา
การมีเป้าหมายสำหรับทุกอย่าง มีแผนสำรองนั้นเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ตามมาด้วยความคาดหวัง ลองผ่อนคลายตัวเองด้วยการไปเที่ยวใกล้ ๆ แบบไม่มีแผนมากมายบ้าง เพื่อจะได้พักผ่อนสมอง สัมผัสชีวิตหลวม ๆ ตื่นเต้นไปกับเรื่องที่ไม่คาดคิด
ช่วงโควิด-19 นี้ เราสามารถเที่ยวออนไลน์ไปก่อนก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เขามีห้องสมุดออนไลน์ พิพิธภัณฑ์ออนไลน์ให้เราได้ไปสัมผัสแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย การท่องเที่ยวอย่างไร้แผนจะทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ
ว่ากันว่าการได้กลับไปยังสถานที่ที่เคยผูกพันตอนที่ยังเล็กจะช่วยเพิ่มความรู้สึกดีให้กับสมอง ใครที่มีพี่น้อง พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ตา ยาย ที่ต่างจังหวัดให้กลับไปเยี่ยม ก็ถือโอกาสช่วงปิดเทอมอันน้อยนิดนี้ไปเยี่ยมท่าน บางครั้งคนเรามักจะมองข้ามหรือละเลยสิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างเรื่องของความสัมพันธ์ไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบ ๆ ตัวที่มีความหมายต่อเรา ทั้งที่พวกเขารอคอยให้เรากลับไปหาทุกเทศกาล
บางครั้งที่เรารู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยวโดยไม่รู้สาเหตุอาจจะเป็นเพราะเราผลักคนเหล่านี้ออกไปเองหรือเปล่า ? การกลับไปหาพวกเขาอาจจะช่วยถมความเว้าแหว่งในใจให้เต็มขึ้นมาก็ได้
นอนดูหนัง ดูซีรีส์ที่ดองไว้ในช่วงปิดเทอมใครว่าไร้สาระ การได้ทำตามใจบ้างช่วยลดความเครียดได้ดี และการได้ลดความเครียดนั้นดีจะตายไป การได้พักจากเรื่องหนัก ๆ ด้วยการทำเรื่องสบาย ๆ บ้างไม่ใช่เรื่องที่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว ตราบใดที่เราไม่ได้นอนดูซีรีส์ทั้งวันทั้งคืน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้
การใช้เวลาไปกับสิ่งที่เราคิดว่าเสียเวลานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเสมอไป มันช่วยให้ Productive มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ใครที่ดองหนังสือการ์ตูน หนังสือนอกเวลาเอาไว้ ถึงเวลาที่ต้องหยิบมาอ่านสักเล่ม โดยเราอาจจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า เราจะอ่านหนังสือวันละ 20 นาที หรือมากกว่านั้นเพื่อเพิ่มเติมความรู้ที่ไม่มีในห้องเรียน นอกจากเราจะได้ผ่อนคลายแล้ว การอ่านหนังสือยังจะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับเราได้อีกด้วย
หนังสือแนะนำให้อ่านในช่วงปิดเทอมควรเป็นหนังสือที่ผ่อนคลายจากหนังสือเรียน เช่น วรรณกรรม หนังสือฮาวทู เทคนิคต่าง ๆ เพื่อที่เราจะได้หยิบไปใช้ในการเรียนได้ต่อไป
การจัดบ้านเพื่อความสุขถือเป็นศาสตร์ของคนญี่ปุ่น นอกจากจะช่วยให้บ้านสะอาดเป็นระเบียบแล้ว มันยังช่วยให้จิตใจที่ฟุ้งซ่านกลับมามีสติ มีสมาธิได้อีกด้วย เพราะห้องที่รก ของที่เก็บไม่เป็นที่เป็นทางจะส่งผลให้จิตใจของเจ้าของห้องรกรุงรังไปด้วย ดังนั้นให้เรามาจัด เก็บ ทิ้งของในห้องทุกอย่างห้องที่ไม่ได้ใช้แล้วออกไปเพื่อต้อนรับเทอมใหม่เป็นการบอกสมองให้เตรียมพร้อม
ทิ้งไปไม่ต้องรู้สึกเสียดาย หากชิ้นไหนจุดประกายความสุขให้กับเราได้ให้เก็บชิ้นนั้นไว้ แต่หากชิ้นไหนเราไม่รู้สึก spark joy แล้วก็ขอบคุณมันที่ได้ทำหน้าที่ของมัน และก็เอาไปบริจาคให้คนอื่นต่อ (สภาพต้องดีอยู่นะ)
เคล็ดลับที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่คนดังหลาย ๆ คนที่ได้เอามาเล่าสู่กันฟังเพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์ชีวิตก็คือ การเป็นอาสาสมัคร (Volunteer) เพราะนอกจากจะได้ทำประโยชน์ช่วยคนอื่นแล้ว ในทางกลับกันเรายังได้ความรู้สึกดี ๆ ได้ความภาคภูมิใจ (Self-Esteem) ให้กับตัวเองอีกด้วย และขอย้ำว่าไม่มีใครเด็กเกินไปที่จะมาเป็นอาสาสมัคร ทุกคนเป็นอาสาสมัครได้
แนะนำกิจกรรมอาสาสมัครช่วยสังคมแบบ new normal ช่วงโควิด-19 เช่น Read for the Blind การสร้างหนังสือเสียงให้คนตาบอดที่สามารถทำได้ที่บ้านเลย เป็นต้น
บางคนอาจจะตั้งธงว่า ปิดเทอมนี้จะเก็บเงินด้วยการออกไปทำงาน Part time รับจ็อบช่วงปิดเทอม ซึ่งไม่ผิดเลย แต่สำหรับบางคนอาจจะไปลองฝึกงานที่ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อเพิ่มประสบการณ์เอาไว้ใช้ในอนาคต เช่น ฝึกงานที่รายการทีวี หรือโรงงาน ที่อาจจะไม่ได้ตังค์แต่ได้ประสบการณ์ เพื่อฝึกการทำงานร่วมกับคนหลากหลายแบบ มันดีแน่นอน
ลองมองไปรอบ ๆ ตัวเราว่าคนที่เรารู้จักเขามีทักษะหรืออะไรที่เราสนใจบ้าง ไม่ต้องคิดว่ามันจะทำเงินไหม หรือเท่หรือเปล่า ถ้าเราชอบ ก็ลองขอโอกาสไปฝึกด้วยเลย
ถ้าตัดเรื่องเงินออกไป เคยถามตัวเองไหมว่า เราอยากเรียนอะไรเป็นพิเศษ ? บางคนอาจจะอยากลองไปเรียนจัดดอกไม้ ลองทำช่อง Youtube หรืออยากเรียนดำน้ำ เรียนทำน้ำเต้าหู้ เรียนทำสบู่ออร์แกนิก อะไรก็ได้ที่สร้างความสุนทรีย์ให้กับชีวิตหรือที่เราเรียกว่า hobby
FUN FACT: สตีฟ จ็อบส์ ไปเรียนคัดลายมือ (Calligraphy) ในขณะที่คนสมัยนั้นแห่กันไปเรียนเขียนโปรแกรม อีก 10 ปีต่อมา วิชาคัดลายมือที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเลย กลับกลายมาเป็นจุดแข็งทำให้ Mac เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มีตัวพิมพ์ที่เก๋และน่าใช้ที่สุดในยุคนั้น ดังนั้น ทุกทักษะไม่ว่าจะดูเล็กจิ๋วแค่ไหน วันหนึ่งอาจเป็นส่วนประกอบของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ
ในโค้งสุดท้ายของช่วงใกล้เปิดเทอมให้เราทบทวนกับตัวเองก่อนเปิดเทอมใหม่ด้วยการวางแผนการเรียน อะไรที่ทำได้ดีในการสอบครั้งที่ผ่านมา อะไรที่ทำได้ไม่ดีในการสอบครั้งที่ผ่านมา และในการเรียนเทอมหน้า เราจะทำอะไรที่แตกต่างไป สไตล์การเรียนใหม่ ๆ หรือวิชาที่เราต้องทำคะแนนให้ได้ดี
แนะนำให้เน้นที่กระบวนการทำให้ไปถึงเป้าหมายมากกว่าการตั้งผลลัพธ์ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่าเกรด 4 ทุกตัว ให้เราตั้งเป้าหมายว่าฉันจะทำโจทย์เลขวันละ 3 ข้อ เพราะจะดูเป็นรูปธรรมมากกว่าทำเกรดให้ได้ A
บทความที่เกี่ยวข้อง
เคล็ดลับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนชอบลงมือทำจาก Stanford
ค้นหาตัวเองอย่างมีความสุขไปพร้อมกันกับ 'Self Concept'
วิธีปรับ Mindset ปลุก Passion ปลดล็อคความสามารถเจ๋ง ๆ ในตัวเอง
เคล็ดลับการทำ ‘Mood Board' เพื่อค้นหาตัวเอง
แบบทดสอบค้นหาตัวเอง ค้นหาพรสวรรค์ 8 ด้าน
เรียนภาษา ฝึกวิชาชีวิต ณ อินเดีย
‘ทาย’ เด็กที่รักการเต้น สู่การเป็นแดนซ์เซอร์ให้ไอดอลเกาหลี
ตั้งใจเรียน ไม่เคยเท แต่ทำไมเกรดตก นี่เราพลาดอะไรไป ?
5 หนังสร้างแรงบันดาลใจในการเรียน ให้ไปถึงฝันอะไรก็กั้นไม่ได้
ปลุกไฟในการเรียนภาษากับ 10 ไอดอลเกาหลีที่พูดอังกฤษคล่องปรื้อ
แหล่งข้อมูล
- 7 สิ่ง (ที่ดูเหมือน) ไร้สาระ แต่คุ้มค่ากับการเสียเวลาในชีวิต