Negative Sentences คือประโยคประโยคปฏิเสธ ซึ่งในภาษาอังกฤษสามารถสร้างรูปประโยคได้หลายแบบ โดยมีกฎการสร้างประโยคปฏิเสธดังนี้

1. ประโยคมีกริยาแท้ ใช้ V.to do (does/do/did) + not + V.1

ex. He doesn’t like sport.
(เขาไม่ชอบกีฬา)

ex. I don’t like my work.
(ฉันไม่ชอบงานของฉัน)

ex I didn’t know you were coming.
(ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังมา) 

2. ประโยคมีกริยาช่วย เช่น (will, would, can, could, may, must/ V.to be และ V.to have ใน perfect tenses) ให้เติม not ไว้หลังกริยาเหล่านี้

ex. The prime minister can’t speak English.
(นายกรัฐมนตรีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้)

ex. He won’t let you go. 
(เขาจะไม่ปล่อยคุณไปหรอก)

3. ใช้ never แทน don’t, doesn’t, didn’t 

ex. She never comes to see me.
(เธอไม่เคยมาหาฉัน)

ex. We have never cooked.
(พวกเราไม่เคยทำอาหาร) 

4. ใช้ no เป็นคำคุณศัพท์วางไว้หน้าคำนาม

ex. I have no book. 
(ฉันไม่มีหนังสือ)

ex. He has no car.
(เขาไม่มีรถ) 

5. ประโยคที่มี none, no one, nobody, nothing, nowhere เป็นปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่ต้องเติม not อีก

ex. There is nothing in this room. It’s completely empty.
(ห้องนี้ไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่าสิ้นดี)

ex. No one came to my party!
(ไม่มีใครมาปาร์ตี้ของฉันเลย)

ex. Who ate all the cake? There’s none left!)
(ใครกินเค้กหมดเลยเนี่ย? ไม่เหลือเลย)

6. ประโยคคำสั่ง, ขอร้อง, ห้าม เติม do not หน้ากริยา

ex. Don’t touch me.
(อย่าแตะต้องตัวฉัน) 

ex. Don’t swim in this canal.
(ห้ามว่ายน้ำในคลองนี้)

ex. Please don’t smoke here.
(กรุณาอย่าสูบบุหรี่ตรงนี้) 

7. ประโยคเสนอแนะที่ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้เติม not ตามหลัง

ex. Let’s not tell him about it.
(อย่าบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยเถอะ)

8. ประโยคที่มี both…and ใช้ V.to do + not เข้ามาช่วย เช่น

บอกเล่า : He know both English and Japanese. (เขารู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น)
ปฏิเสธ   : He doesn’t know both English and Japanese. (เขาไม่รู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น)