Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

วัยรุ่นไม่ใส่ถุงยาง 'กลัวท้อง' มากกว่ากลัว 'ติดโรค' ต้องระวัง

Posted By Plook Magazine | 08 ก.พ. 64
4,476 Views

  Favorite

ในขณะที่สถานการณ์คุณแม่วัยใส ท้องไม่พร้อมนั้นค่อย ๆ คลี่คลายลงเรื่อย ๆ เพราะวัยรุ่นตระหนักถึงการป้องกันมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันอัตราโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นกลับเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เพราะมีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยกลัวท้องมากกว่ากลัวติดโรค จึงหันไปใช้ยาคุมกำเนิด แต่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพราะคิดว่าแค่ไม่ท้องก็โอเคแล้ว…

 

 

ไม่ท้องก็จริงแต่เสี่ยงติดโรคนะ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นใกล้ตัวเรากว่าที่คิด เมื่อมีหลายคนเข้าใจแบบผิด ๆ ว่า ถุงยางอนามัยเอาไว้ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ มากกว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งที่ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์สุขอนามัยที่ไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอนได้ถึง 98% แต่ทำไมวัยรุ่นถึงยังไม่ชอบใช้ถุงยางอนามัยกันอยู่ 

 

ทำไมวัยรุ่นถึงไม่อยากใช้ถุงยาง 

แพง มีการเปรียบเทียบว่าแพงกว่าค่าข้าว จะไปตั้งขายถูก ๆ ในโรงเรียนก็ถูกคัดค้าน

ไม่กล้าซื้อถุงยางอนามัย โดยเฉพาะการซื้อจากร้านสะดวกซื้อ เพราะเขินอายแคชเชียร์หรือกลัวถูกแซวจากคนอื่น ๆ

ใช้ยาคุมแทนการซื้อถุงยางอนามัย ทั้งยาคุมปกติหรือยาคุมฉุกเฉิน

ใส่แล้วมันไม่ฟิน เป็นความเชื่อว่าการใส่ถุงยางอนามัยจะ “ไม่สนุกเหมือนสด” 

ปกติก็ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยอยู่แล้ว

 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วัยรุ่นท้องน้อยลง จากการตื่นตัวเรื่องท้องไม่พร้อมและรู้จักซื้อยาคุมกำเนิดมาทาน แต่หารู้ไม่ว่า แม้จะไม่ท้องแต่กลับติดโรคเพิ่มขึ้นจาก 41.6 ต่อประชากรแสนคนในปี 2550 กลายมาเป็น 169.2 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2561 แปลว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว โดยเฉพาะ 5 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุ 15-24 ปี

 

 

5 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่วัยรุ่นไทยเป็นกันมาก

 

ซิฟิลิส (Syphilis) 

โรคเรื้อรังที่ติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี เริ่มแรกจะมีก้อนแข็ง ๆ ขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศและจะไม่เจ็บ หากไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอก ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดโรคในระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายหลายระบบ ทั้งซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท ที่สำคัญคือมารดาที่เป็นโรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดเชื้อโรคสู่ทารกในครรภ์ได้ 

 

หนองใน (Gonorrhea) 

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบขัดเวลาปัสสาวะและมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันได้หากไม่ได้รับการรักษา

 

หนองในเทียม (Chlamydia) 

ทำให้มีอาการแสบปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัด มีหนองไหล และมีมูกออกเล็กน้อยโดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ

 

แผลริมอ่อน (Chancroid)

ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง มักมีหลายแผล ขอบแผลนุ่มและไม่เรียบ ก้นแผลสกปรกมีหนอง มีเลือดออกง่าย เวลาสัมผัสจะเจ็บปวดมาก

 

ฝีมะม่วง ((Lymphogranuloma venereum – LGV)

จะมีแผลที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต มีหนองไหลออกมา นอกจากนี้ยังมีอาการท่อปัสสาวะอักเสบและอาจมีหนองและเลือดออกมาจากรูทวารเมื่อปวดเบ่งอุจจาระ

    

เอาเป็นว่า เรามาปรับทัศนคติกันใหม่ว่าถุงยางอนามัยมันไม่ได้แค่ต้องใส่เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่เพื่อสุขภาพอนามัยของเราเอง เพื่อป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่หลายคนคิดว่าไม่น่ากลัวหรอก ยังไงก็รักษาหาย เพราะบางโรคมันน่ากลัวและอาจจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต น่ากลัวกว่าท้องอีก    

 

 

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow