บางคนมีประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ซึ่งสะสมมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ยกตัวอย่างเช่น คนที่โตมาในครอบครัวที่ไม่เคยแสดงความรักต่อกันเลย ไม่ค่อยใส่ใจกัน ไม่เคยกอดกัน บอกรักกัน หรือว่าเย็นชาต่อกัน ด้วยประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเหล่านี้จึงทำให้โตมากลายเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใคร ปกป้องตัวเองไว้ก่อนและไม่เปิดใจกับใครง่าย ๆ หรืออาจจะเลือกคบกับคนที่อยู่ทางไกล และลึก ๆ แล้วแม้จะคบใครก็ตาม คุณจะไม่เปิดใจ 100% และไม่คิดว่าใครจะเข้าใจคุณจริง ๆ
ความกลัวหรือไม่กล้าที่จะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับใคร บางครั้งมันมาจากการเลี้ยงดูตอนเด็ก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรามีอารมณ์ต่าง ๆ เช่น กลัว โกรธ อ่อนไหว รู้สึกไม่ปลอดภัยหรือว่าต้องการความรัก แต่เรากลับถูกตอบสนองด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น เรากลัวแต่กลับถูกโมโหกลับ เราอยากได้กอดแต่โดนบอกให้โตได้แล้ว เมื่ออารมณ์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกตอบสนองอย่างถูกวิธี แถมยังทำให้เรารู้สึกกังวลอีก เมื่อโตขึ้นเราจึงเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับมัน ไม่ยอมที่จะเข้าไปหา ทำความเข้าใจหรือพยายามทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ คลี่คลาย แต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ เมื่อมีคนมาชอบเรา รักเรา รู้สึกดีกับเรา บางคนจึงเลือกที่จะ ‘หนี’ โดยอัตโนมัติมากกว่าจะเดินเข้าไปหามันเพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ
การเป็นคนที่เลือกมากหรือว่า Pickiness อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่คน ๆ นั้นถูกหลอกมาเยอะ ถูกแทงข้างหลัง ถูกคนที่รักหรือชอบมาก ๆ ปฏิเสธมาหลายครั้ง จึงทำให้เกิดความคิดที่ว่า ‘คนดี ๆ นั้นไม่มีอยู่จริง’ ‘คนดี ๆ ก็คงมีเจ้าของหมดแล้ว’ กลายเป็นคนที่จะมองคนที่ ‘โปรไฟล์’ มากกว่าที่จะอยากรู้จักใครสักคนจริง ๆ โดยคุณจะตั้งสเปคไว้สูง ปัดตกคนง่ายมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะมีสเปคที่ต้องการอยู่ 10 ข้อ ถ้าคน ๆ นั้นมีแค่ 8 ข้อไม่ครบ 10 ข้อก็คือไม่ผ่าน เขาจะไม่มีโอกาสได้รู้จักคุณเลย
คนบางกลุ่มก็อยากที่จะมีแฟนนะ ไม่ใช่ไม่อยากมี แต่กลับคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรหรือไม่ดีพอที่จะมีคนมารัก หรือมี ‘เสียงในหัว’ (critical inner voices) ที่มักจะคิดว่าตัวเองอ้วนไป น่าเกลียด ไม่สวย ไม่หล่อ ไม่มีดีอะไรทั้งนั้น ทำให้กลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยว่าจะคู่ควรกับความรักในลักษณะชู้สาว ในคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมาก ๆ จะไม่กล้าแม้กระทั่งพูดคุยหรือสบตากับเพศตรงข้าม เขาจะรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กนิดเดียว หรือรู้สึกว่าตัวน่าเกลียดเวลาอยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม หรือเวลาเจอคนที่ชอบก็จะหลบหน้า ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยหรือทำความรู้จักเลยเพราะไม่มั่นใจในตัวเอง
บางคนก็โสดเพราะคิดว่าการหาแฟนมันคือเกม มันคือการแข่งขันชนิดหนึ่งที่ถ้าคน ๆ นั้นไม่รับรัก มันจะเสียหน้าสุด ๆ ซึ่งการหาแฟนมันคือการแข่งขันกันก็จริง แต่มันไม่ได้จะทำให้เสียหน้าหรือเป็นตราบาปขนาดนั้น แต่คนที่กลัวการแข่งขันเขาจะคิดว่าตัวเองไม่มีดีอะไรจะไปสู้ ไปแข่งกับคนอื่น และมักจะรู้สึกว่าตัวเองจะแพ้และจะดูโง่ในสายตาของคนอื่น จึงเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ มากกว่าที่จะเข้าไปทักทาย ไปจีบคนที่ตัวเองชอบ ทั้งที่การหาแฟนมันก็คือการให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ว่าเราจะสามารถรักหรือเสียใจให้กับคน ๆ หนึ่งได้มากแค่ไหน บางคนก็ค้นพบว่าตัวเองเป็นใครจากความรักก็มี
ในยุคที่ทุกคนเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือว่า Comfort Zone ในการหาแฟนก็เหมือนกัน หลายคนไม่กล้าออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง มันจึงทำให้คนแบบนี้เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเล่นเกม มากกว่าจะออกไปงานดนตรีที่มีคนเยอะ ๆ บางคนอาจมีเสียงในหัวทุกครั้งที่มีโอกาสจะได้เจอคนใหม่ ๆ ว่า “เรามันขี้แพ้ อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะยังไงก็ต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต ไม่มีใครจะมาชอบเราหรอก !” ซึ่งน่าเสียดาย เพราะในช่วงวัยรุ่นนั้นไม่ควรกลัวการลงมือทำ อยากให้กล้าออกไปข้างนอก ยิ้มให้ผู้คน สบตากับคนที่เราชอบ หากลุ่มเพื่อนใหม่ ๆ ลองทำกิจกรรมเจ๋ง ๆ คบคนให้หลากหลายเพื่อให้ได้เรียนรู้ตัวเอง และดูซิว่ามีอะไรอีกไหมที่จะทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่เคย
แหล่งข้อมูล
Why Am I Still Single? 8 Reasons People Often Stay Single